วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อาหารสมุนไพรบำรุงน้ำนม

อาหารสมุนไพรบำรุงน้ำนม


ใบกะเพรา Ocimum sanctum L.

คุณค่า มีธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส เส้นใยอาหารสูง

สรรพคุณ ความร้อนจากใบกะเพราช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้มีน้ำนมมากขึ้น แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ หวัด คลื่นไส้ อาเจียน ช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้น ยิ่งถ้าเด็กได้รับจากนมแม่ ก็จะช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อในเด็กด้วย ในอินโดนีเซียใช้ใบกะเพราปรุงอาหารกินเพื่อขับน้ำนมเช่นกัน

อาหารแนะนำ แกงเลียง (ใส่ใบกะเพรา) ผัดกะเพรา แกงป่าหรือผัดเผ็ดต่างๆ นอกจากได้สรรพคุณทางยาแล้ว ในใบกะเพรายังมีกลิ่นหอมช่วยดับกลิ่นและรสคาวของเนื้อสัตว์ได้ดี



กุยช่าย Allium tuberosum Roxb.

คุณค่า แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก คาร์โบไฮเดรต บีตาแคโรทีน วิตามินซี

สรรพคุณ ช่วยขับน้ำนม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม

อาหารแนะนำ นำส่วนดอกมาผัดกับเนื้อสัตว์ หรือนำใบมากินสดแกล้มกับอาหารอื่นๆ แต่ที่นิยมคือ ใส่ผัดไทย



รสร้อนเพิ่มการไหลเวียน และช่วยย่อย

กานพลู Eugenia caryophyllus (Spreng.) Bullock & S.G.Harrison

คุณค่า น้ำมันที่อยู่ในดอกกานพลู มีส่วนประกอบสำคัญคือยูจีนอล (Eugenol )

สรรพคุณ ช่วยขับน้ำนม มีฤทธิ์ช่วยขับน้ำดีเพื่อนำไปย่อยอาหาร ลดอาการบีบตัวของลำไส้บรรเทาอาการแน่น จุกเสียด

อาหารแนะนำ นำดอกตูมแห้งมา 5-8 ดอก ชงในน้ำเดือด แล้วดื่มแต่น้ำ



ขิง Zingiber officinale Roscoe

คุณค่า มีโปรตีน ไขมัน แคลเซียม วิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง คาร์โบไฮเดรต

สรรพคุณ ขับลม แก้อาเจียน ช่วยย่อยไขมันได้ดี ลดการบีบตัวของลำไส้ บรรเทาอาการปวดท้องเกร็ง ขับเหงื่อ เพิ่มการไหลเวียนเลือด ทำให้น้ำนมไหลได้ดี ลดอาการอาเจียน และเชื่อว่าเมื่อคุณแม่กินเข้าไป สรรพคุณที่ดีของขิงจะผ่านทางน้ำนมไปสู่ลูก ทำให้ลูกไม่ปวดท้อง

อาหารแนะนำ ยำขิง ยำปลาทูใส่ขิง ไก่ผัดขิง มันหรือถั่วเขียวต้มน้ำขิง ไข่หวานน้ำขิงต้มอุ่นๆ โจ๊กใส่ขิง



ใบแมงลัก Ocimum pilosum Willd.

คุณค่า มีธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินบี และวิตามินซีสูง

สรรพคุณ ใบแมงลักมีรสหอมร้อน ทำให้น้ำนมไหลได้ดี ขับลม ขับเหงื่อ

อาหารแนะนำ ใส่แกงเลียง กินสดแกล้มกับขนมจีน หรือใส่แกงป่าต่างๆ



พริกไทย Piper nigrum Linn.

คุณค่า มีน้ำมันหอมระเหย โปรตีน คาร์โบไฮเดรต

สรรพคุณ มีรสร้อน ทำให้น้ำนมไหลได้ดี ขับลม ขับเหงื่อ

อาหารแนะนำ ใส่ในแกงเลียง



อาหารสมุนไพรบำรุงน้ำนมที่อุดมไปด้วยสารอาหาร

หัวปลี

คุณค่า อุดมไปด้วยแคลเซียม (มากกว่ากล้วยสุกถึง 4 เท่า) โปรตีน ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส วิตามินซี บีตาแคโรทีน

สรรพคุณ แก้โรคกระเพาะอาหาร ลำไส้ บำรุงเลือด ตั้งแต่โบราณสอนกันต่อๆมาว่าผู้หญิงที่คลอดลูกใหม่ๆ ให้กินหัวปลีมากๆ จะได้มีน้ำนมให้เลี้ยงลูกนานๆ

อาหารแนะนำ แกงเลียงหัวปลี ยำหัวปลี ลวกจิ้มน้ำพริก (เวลาลวกให้ใส่เกลือและน้ำตาลลงในน้ำที่ต้มด้วย จะได้ลดความฝาด) ทอดมันหัวปลี หัวปลีชุบแป้งทอด



มะละกอ Carica papaya L.

คุณค่า มีธาตุเหล็กและแคลเซียมสูง ฟอสฟอรัส วิตามินเอ บี ซี และมีเอนไซม์ที่ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย รวมถึงมีเส้นใยอาหารในปริมาณมาก

สรรพคุณ ช่วยขับน้ำนม บำรุงเลือด บำรุงกระดูก สายตา ป้องกันโรคลักปิดลักเปิด

อาหารแนะนำ กินผลไม้สุกเป็นผลไม้ หรือถ้าแบบดิบ มักจะนำมาใส่แกงส้ม



ฟักทอง Cucurbita pepo L.

คุณค่า ฟักทองมีสารอาหารสำคัญเพื่อบำรุงร่างกายจำนวนมาก ทั้งวิตามินเอ บี ซี ฟอสฟอรัส บีตาแคโรทีน

สรรพคุณ ช่วยขับน้ำนม ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณสดใส และอาจจะช่วยให้หน้าท้องลายน้อยลง

อาหารแนะนำ ฟักทองผัดไข่ แกงเลียง ฟักทองนึ่ง แกงบวดฟักทอง ไข่เจียวฟักทอง



มะรุม Moringa Oleifera Lam.

คุณค่า ใบมะรุมมีวิตามินซีสูงกว่าส้ม 7 เท่า มีแคลเซียมสูงกว่านม 4 เท่า มีวิตามินเอสูงกว่าแครอต 4 เท่า มีโพแทสเซียมสูงกว่ากล้วย 3 เท่า มีโปรตีนสูงกว่านม 2 เท่า

สรรพคุณ มะรุมมีสารอาหารที่ดีมากสำหรับมารดา และทารก มะรุมถูกนำมาใช้รักษาโรคขาดสารอาหารในเด็กแรกเกิดถึง 10 ขวบ ในกรณีของเด็กแรกเกิดการให้มะรุมทำได้ดีที่สุดโดยผ่านทางน้ำนมมารดาที่กินใบมะรุมอย่างสม่ำเสมอ

สารอาหารสำคัญจะผ่านสู่ทารกได้โดยง่าย อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มแคลเซียมเข้าไปเสริมกระดูกมารดาได้เป็นอย่างดี ใบและดอกของมะรุมมีสรรพคุณในการขับน้ำนม ซึ่งปัจจุบันมีการศึกษายืนยันฤทธิ์ในการขับน้ำนมของมะรุมแล้ว

อาหารแนะนำ แกงส้มใบหรือดอกมะรุม



ตำลึง Coccinia indica Wight & Arn.

คุณค่า มีโปรตีน มีวิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง วิตามินบีสาม วิตามินซี แคลเซียม เหล็ก เส้นใยอาหารในปริมาณมาก

สรรพคุณ ช่วยบำรุงน้ำนม ทำให้น้ำนมมีมาก บำรุงเลือด บำรุงกระดูก บำรุง สายตา บำรุงผม บำรุงประสาท

อาหารแนะนำ แกงเลียงตำลึง หรือแกงกะทิลูกตำลึง



เมล็ดขนุน Aryocarpus hetertophyllus Lamk.

คุณค่า มีคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามินบีหนึ่ง ฟอสฟอรัส เหล็ก

สรรพคุณ ช่วยบำรุงน้ำนม ทำให้น้ำนมมีมาก บำรุงประสาท

อาหารแนะนำ เอาเม็ดขนุนต้มกินเป็นขนมทุกวันกินจนอิ่มวันละ 1 ครั้งกิน 7-10 วัน



พุทรา Zizyphus mauritiana Lamk.

คุณค่า มีวิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง วิตามินบีสาม วิตามินซี แคลเซียม เหล็ก เส้นใยอาหารในปริมาณมาก

สรรพคุณ ช่วยบำรุงน้ำนม บำรุงประสาทและสมอง

อาหารแนะนำ เอาลูกพุทราต้มให้เดือด 10 นาที แล้วเอาน้ำมาดื่มจะทำให้มีน้ำนมมาก



พืชผักผลไม้ ชนิดต่างๆ ที่กล่าว สังเกตให้ดีๆ จะเห็นว่า พืชผักที่คนโบราณบอกให้กินเพื่อเรียกน้ำนมนั้น ส่วนใหญ่มีฤทธิ์ให้ความร้อนแก่ร่างกาย ช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดี ช่วยขับลมในกระเพาะ ช่วยทำให้ระบบการย่อยอาหารเป็นไปอย่างปกติ และเป็นสมุนไพรที่ประกอบไปด้วยไขมัน โปรตีน แร่ธาตุที่สำคัญอย่าง แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็ก

ช่วงนี้แพรวาทานเยอะขึ้นครับ

       แพรวาทานนมแม่บ่อยขึ้น ทุก ๆ 2 ชั่วโมง 1 ครั้ง ครั้งละประมาณ 15-20 นาที ช่วงนี้แม่ทิพย์ของแพรวาต้องรับบทหนักหน่อย  ต้องบำรุงเยอะ ๆ จะได้มีนมให้แพรวาทานครับ

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

น้องแพรวา

       จากวันที่ 11 ธ.ค. 53 เป็นวันเกิดของแพรวา นับถึงวันนี้ก็ 14 วันพอดี พัฒนาการช่วง 14 วันที่ผ่านมา คุณแม่ได้สังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงทุกวันหลายอย่าง  เช่นเรื่องการขับถ่าย เมื่อก่อนช่วงสัปดาห์แรกจะขับถ่ายบ่อยทั้งกลางวันและกลางคืนโดยเฉลี่ยนกลางวันก็ประมาณ 6 ครั้ง กลางคืน 3 ครั้ง แรกคุณแม่และคุณพ่อมือใหม่ก็ตกใจเหมือนกัน ทำไมกินแล้วขี้บ่อยอย่างนี้ แต่จากการหาข้อมูล บอกว่าเป็นปกติของเด็กที่ทานนมแม่ จะขับถ่ายดี ตอนนี้การขับถ่ายจะเป็นเวลามากขึ้น กลางวันเยอะ ถ่ายก่อนนอนประมาณ 3 ทุ่ม แล้วก็ยาวถึงเช้า ครับ

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

น้องแพรวาอายุ 10 วันแล้วนะค่ะ

หลังจากที่ทิพย์คลอดน้องแพรวาเมื่อ 10 วันที่แล้ว ชีวิตเราสองคนเปลี่ยนแปลงขึ้นเยอะครับ ช่วงแรก ๆ ที่น้องกลับจาก รพ. เราสองคนทำอะไรไม่ค่อยจะถูกเลยละ ...โชคดีที่มีแม่ยายคอยนำประสบการณ์ในการเลี้ยงลูก 5 คนของเขาเองมาสอนทำให้คุณพ่อและคุณแม่มือใหม่เริ่มมั่นใจในการเลี้ยงน้องมากขึ้น
แต่โชคดีที่กลับจาก  รพ.น้องไม่ค่อยงอแง  3 เดือนแรกแม่ทิพย์ให้น้องแพรวาทานนมแม่ครับ 

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วันนี้วันที่ 3 ธ.ค. 53 แล้วครับ นับถอยหลังอีก 1 วันเจอหน้าลูกแล้วครับ

            เมื่อคืนนี้อยู่กับว่าที่คุณแม่ที่วังน้อย สังเกตท้องทิพย์ใหญ่ขึ้นมาก ๆ นับสัปดาห์ของการตั้งครรภ์ก็เป็นสัปดาห์ที่  38 แล้วครับ เมื่อคืนลูกดิ้นดี ทำให้ว่าที่คุณแม่นอนไม่ค่อยหลับ และมีหิวอีกตอนตีสี่  ตอนเย็นไปรับว่าที่คุณแม่กลับมาที่สวนสยาม  วันที่ 4  ธ.ค. 53 หมอ รพ.นวมินทร์นัดตรวจครรภ์อีกครั้ง ครับ

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วันที่ 2 ธ.ค. 53 อีกสองวันเจอหน้าลูกแล้วนะเรา

           ช่วงนี้ว่าที่คุณแม่ของลูกผมตื่นเต้น กับประสบการณ์ในการคลอด ของพี่ๆ ในที่ทำงานครับ เมื่อคืนนี้เล่าให้ผมฟังหลายคน  ตัวผมเองก็ปลอบใจไม่ให้ว่าที่คุณแม่กังวล เพราะถ้านับจากวันนี้ก็เหลือเวลาแค่ 2 วัน จะถึงวันผ่าคลอด ช่วงนี้ว่าที่คุณแม่บอกลูกดิ้นดี ต่อยหนักครับ แต่คุณหมอบอกว่าเป็นผู้หญิง ทำไมต่อยคุณแม่หนักจังครับ ...อีก 2 วันเจอกันนะ

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

คุณพ่อมือใหม่....โครตตื่นเต้น ( ขนาดไม่ได้คลอดเองนะ..)

            ตามกำหนดการเดิม คุณหมอแจ้งกำหนดคลอดคร่าว ๆ ไว้เป็นวันที่  17  ธ.ค. 53   หลังจากพบหมอเมื่อสัปดาห์ที่ 36  วันที่ 20  พ.ย. 53 ที่ผ่านมา หมอแจ้งว่าน้องไม่กลับตัวยังอยู่ท่าก้น  หมอก็เลยกำหนดวันผ่าคลอดเป็นช่วง 4-6 ธ.ค. 53   หลังจากที่ทิพย์มาปรึกษาตัวผมเองและพี่สาว เราตั้งใจว่าน่าจะกำหนดคลอดเป็นวันที่  5  ธ.ค. 53  วันนี้ทิพย์ไปพบหมอ ที่ รพ.นวมินทร์ 9 อีกครั้ง กำหนดผ่าคลอดกับคุณหมอไว้เป็นวันที่  5 ธ.ค. 53 ช่วงเช้า  แรก ๆ ที่ทราบข่าวตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ไม่ตื่นเต้น แต่สัปดาห์นี้ตื่นเต้นมาก ๆ ครับ ยังไม่ได้เตรียมอะไรกันเลย เตรียมเฉพาะตังค์ อย่างเดียว ถือคติโบราณนิดหนึ่งครับ
           ถือเป็นการแจ้งข่าวเพื่อนพ้องน้องพี่ ไปในตัวนะครับ

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สู่ฝันอันยิ่งใหญ่

เช้าวันทำงานที่สดใส ...พร้อมกำลังใจมากมายจากคนที่เรารัก

         สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 36 ของการตั้งครรภ์ของทิพย์ ช่วงนี้ลูกดิ้นแรงตัวคงใหญ่ บางครั้งถีบคุณแม่ด้วย เห็นเป็นคลื่น เราก็อดสงสารว่าที่คุณแม่ไม่ได้ แต่การดิ้นของลูกเป็นสัญญาณที่ดี แสดงว่าลูกแข็งแรง หมอให้นับการดิ้นของทารกในครรภ์ ว่าดิ้นเกิน 10 ครั้งต่อวันไหม ให้ว่าที่คุณแม่เป็นคนเช็ค  เดี๋ยวอีก 20 กว่าวันเราก็จะเจอหน้าเขาแล้ว ......เริ่มตื่นเต้นแล้วครับ ตั้งใจทำงานนะว่าที่คุณพ่อ

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Did you get my invite?


Add Friend Request from Jhoos.com for arnat2518 Arnat Khamsom wants to be your friend

arnat2518
Do you want to add arnat2518 to your friends network ?
 
Click here to accept arnat2518 as a friend
Accept
   Click here to reject friend request
Reject
Privacy Policy  Unsubscribe  Terms and Conditions

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แผนธุรกิจ Star Matching Plan

แผนธุรกิจ Star Matching Plan

ความสวยงาม 8 ประการที่จะได้จากธุรกิจเอมสตาร์

ความสวยงาม 8 ประการที่จะได้จากธุรกิจเอมสตาร์

ทำไมผมเลือกร่วมธุรกิจกับ เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค (Aim Star Network)

ทำไมผมเลือกร่วมธุรกิจกับ เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค (Aim Star Network)

[แนวคิด] ระบบสำรองของชีวิต

[แนวคิด] ระบบสำรองของชีวิต

[แนวคิด] ชีวิตที่ติดอยู่บนราง..

[แนวคิด] ชีวิตที่ติดอยู่บนราง..

[แนวคิด] โอกาสที่คุณต้องไขว่คว้า

[แนวคิด] โอกาสที่คุณต้องไขว่คว้า

[แนวคิด] เจ็บที่ต้องลดฝัน

[แนวคิด] เจ็บที่ต้องลดฝัน

[แนวคิด] VTR แม่ที่แย่ที่สุดในโลก

[แนวคิด] VTR แม่ที่แย่ที่สุดในโลก

[แนวคิด] ระบบสำรองของชีวิต

[แนวคิด] ระบบสำรองของชีวิต

[Video] Why Network ทำไมเรา้ต้องศึกษาธุรกิจเครือข่าย

[Video] Why Network ทำไมเรา้ต้องศึกษาธุรกิจเครือข่าย

[Why Network] จะเลือกทำธุรกิจเครือข่ายกับบริษัทไหนดี

[Why Network] จะเลือกทำธุรกิจเครือข่ายกับบริษัทไหนดี

[Why Network] แค่เปลี่ยนที่ซื้อสินค้า เปลี่ยนรายจ่ายเป็นรายรับ

[Why Network] แค่เปลี่ยนที่ซื้อสินค้า เปลี่ยนรายจ่ายเป็นรายรับ

[Why Network] ที่มาของรายได้ในธุรกิจเครือข่ายผู้บริโภค

[Why Network] ที่มาของรายได้ในธุรกิจเครือข่ายผู้บริโภค

[Why Network] ธุรกิจเครือข่ายผู้บริโภค ต่างกับงานขายตรงอย่างไร

[Why Network] ธุรกิจเครือข่ายผู้บริโภค ต่างกับงานขายตรงอย่างไร

[Why Network] กฏทวิคูณ พลังแห่งเครือข่าย

[Why Network] กฏทวิคูณ พลังแห่งเครือข่าย

[Why Network] ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร

[Why Network] ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร

[Why Network] รูปแบบรายได้ 2 รูปแบบ

[Why Network] รูปแบบรายได้ 2 รูปแบบ

[Why Network]โจทย์ชีวิต ลิขิตอนาคต

[Why Network]โจทย์ชีวิต ลิขิตอนาคต

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เพื่อนมาชวนทำธุรกิจ AIMSTAR

         เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ....ไปทำมาค้าขายเหมือนเดิมครับ ตื่นเช้าประมาณตี 3 ไปซื้อของกลับมาถึงบ้าน 6 โมงเช้า  8.00 น.ไปตั้งร้านวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทิพย์ไปด้วย เราไม่อยากให้ไปนะ อยากให้พักผ่อนแต่เห็นว่าที่คุณแม่อยากออกนอกบ้านมากกว่า มันอาจจะเป็นความเคยชินของเราที่เราไม่ได้หยุดวันอาทิตย์และทำงานกันมาตลอดกว่า 2 ปี จนชินแล้วมั้งครับ  แต่ทุกอย่างที่เราทำมันก็คือโอกาสที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โก้เพื่อนทิพย์เราก็รู้จักนะ มาชวนทำ AIMSTAR เขาบอกว่าเป็นขายตรงสัญชาติไทย ตัวผมเองไม่ได้ Anti ขายตรงนะ แต่ชื่อนี้เราไม่คุ้น โก้ให้ CD ไว้ 2 ชุด จะลองศึกษาดูก่อนนะ ไม่ปิดโอกาสตัวเอง ......ไม่เสียหลายนะ

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันนี้ 6 พ.ย. 53 ครบสัปดาห์ที่ 34 ของการตั้งครรภ์

           เมื่อเช้าพาทิพย์ไปหาหมอ รพ.นวมินทร์ตามที่หมอนัด ทุก ๆ 2 สัปดาห์ เมื่อคืนประมาณ ตี 4 ว่าที่คุณแม่ของคุณลูกผมหิว ก็เลยลุกขึ้นมาหาอะไรกินตอนตี 4  ไม่รู้ว่าว่าที่คุณแม่ท่านอื่นเป็นแบบนี้ไหม  น่าจะเป็นพระลูกหิว  จริงไหม   จากการชั่งน้ำหนักของว่าที่คุณแม่ ครั้งก่อน 50.6  kg  ผ่านมา 2 สัปดาห์ เมื่อเช้าชั่งได้  52.4  น้ำหนักเพิ่มขึ้น 1.8  kg ช่วงนี้น้ำหนักของน้องจะขึ้นเร็ว ตามที่เคยเรียนมานะ เหมือนเด็กเขากำลังเตรียมตัวเพื่อที่จะคลอด ช่วงนี้เลยต้องเพิ่มไขมันใต้ชั้นผิวหนังไว้เพื่อรองรับแรงกระแทกตอนคลอด   เมื่อเช้าหมอบอกว่าน้ำคร่ำเพิ่มขึ้น จากที่เคยทักว่าน้ำคร่ำน้อยเมื่อสองสัปดาห์ ครั้งก่อนหมอวัดได้ 6.4   ครั้งนี้หมอวัดได้  8  น้ำคร่ำน้อยหมอบอกสาเหตุอาจเป็นเพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอ ว่าที่คุณแม่ไม่ค่อยทานน้ำ  สุดท้ายก็ความเครียด  น่าจะจริงตามที่หมอพูดนะครับ เพราะก่อนตรวจครรภ์เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ว่าที่คุณแม่ของลูกผมต้องเตรียมตัวสอบ มสธ. และเตรียมรับการ Audit จาก SGS   ต่อจากนี้คงไม่เครียดแล้วละ ผ่านไปเรียบร้อยทั้ง 2  อย่างแล้วครับ

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การเตรียมตัวสำหรับการคลอด....ของว่าที่คุณแม่มือใหม่

                การเริ่มต้นเตรียมตัวแต่เนิ่นๆจะทำให้คุณแม่มีความพร้อมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวไปคลอด สิ่งของที่ต้องนำไปด้วย หรือการเตรียมพร้อมเมื่อจะนำทารกกลับบ้าน เป็นต้น


                สิ่งที่จะต้องนำไปโรงพยาบาลสำหรับการคลอด

1. ของใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ แชมพู แป้งโรยตัว เครื่องสำอางต่างๆ ชุดชั้นในแบบที่คุณซื้อเตรียมไว้สำหรับการให้นมทารก เสื้อผ้าสำหรับใส่กลับบ้าน ถุงเท้า แผ่นซับน้ำนม สลิปสำหรับใส่พยุงหน้าท้องจะช่วยให้คุณเดินได้สะดวกขึ้นหลังคลอด ของใช้ส่วนใหญ่โรงพยาบาลมักจะมีเตรียมไว้ให้อยู่แล้วเช่น ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า ผ้าอนามัย เสื้อผ้าทารก ผ้าอ้อม นมกระป๋องและขวดนมของทารกทางโรงพยาบาลจะมีเตรียมไว้ให้เสมอ แต่ถ้าคุณอยากจะนำไปเองก็สามารถทำได้

2. ขนมหรือผลไม้ที่คุณชอบ

3. กล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวิดีโอ สำหรับถ่ายตอนคลอด

4. เทปหรือซีดีเพลงที่คุณชอบ อาจต้องนำเครื่องเล่นไปด้วยเพราะโรงพยาบาลมักจะมีแค่ทีวีเท่านั้น

5. หนังสืออ่านเล่นหลายๆเล่ม เพราะหลังคลอดคุณแม่อาจต้องนอนบนเตียงหลายวัน

6. สมุดโทรศัพท์ เอาไว้โทรบอกข่าวดี

7. โทรศัพท์มือถือและเครื่องชาร์ทแบตเตอรี่

8. คอมพิวเตอร์ LAP TOP เอาไว้หาข้อมูลทางอินเตอร์เนตหรือตอบ e-mail ขอบคุณสำหรับ e-card ที่เพื่อนๆ ส่งมาแสดงความยินดี

อาการแสดงว่าจะคลอด ....นะครับว่าที่คุณแม่

        การเริ่มการคลอดหมายถึงการที่มดลูกมีการบีบรัดตัวเพื่อที่จะขับเคลื่อนทารกในครรภ์ให้ออกสู่โลกภายนอก โดยปกติธรรมชาติของมดลูกขณะตั้งครรภ์จะมีการบีบตัวเป็นพัก ๆ เสมือนกับการเตรียมตัว ฝึกซ้อมการหดรัดตัวมาตลอดช่วงการตั้งครรภ์ แต่เป็นการหดรัดตัวที่ไม่สม่ำเสมอ และไม่ก่อความเจ็บให้แก่คุณแม่ เมื่อเข้าสู่กระบวนการคลอด การหดรัดตัวของมดลูกก็จะเข้าสู่ระบบ คือการบีบรัดตัวจะรุนแรงขึ้น ๆ ระยะเวลาจะสั้นลงและสั้นลงจนเข้าสู่ความคงที่ 3 รอบการบีบตัวใน 10 นาที ในช่วงเวลานี้คุณแม่จะเริ่มรู้สึกถึงการเริ่มกระบวนการคลอดแต่อาจจะแตกต่างกันไป อาการปวดท้องเป็นพัก ๆ จะเป็นอาการนำ แต่ในคุณแม่บางท่านจะรู้สึกถึงอาการปวดหลังนำมาก่อน และจะมีมูกเลือดออกมาทางช่องคลอด แต่ก่อนปวดก็อาจพบมูกเลือดได้ เนื่องจากปากมดลูกเปิดขยายและเมือกที่อุดอยู่จะหลุดออกมา นอกจากนี้ภาวะน้ำเดินเป็นอาการสำคัญที่จะบอกว่า ภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้าการคลอดต้องสิ้นสุดลง ถ้ามีน้ำเดินมาก่อนเริ่มมีการคลอด ถือเป็นสภาวะผิดปกติที่จะต้องเข้าพบแพทย์โดยเร็ว

คำแนะนำในการปฏิบัติตัวของว่าที่คุณแม่....ในเดือนที่ 9

                 ว่าที่คุณแม่อาจจะเหนื่อยกับการตั้งครรภ์ ในเดือนสุดท้ายนี้คุณจะอุ้ยอ้ายมากขึ้น จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกเหมือนอย่างแปดเดือนแรก แต่อาการที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆเช่น หายใจไม่พอ อาหารไม่ย่อย Heartburn จะลดลงเนื่องจากทารกเคลื่อนตัวลงสู้ช่องเชิงกราน แต่ก็จะทำให้คุณเคลื่อนไหวหรือเดินได้ลำบากมากขึ้น


                ทาครีมให้ผิวหนังชุ่มชื้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยแตกของผิวหนังบริเวณหน้าท้องเต้านม สะโพกและต้นขา รอยแตกนี้อาจจางลงได้บ้าง

                พักให้มากขึ้น ลดกิจกรรมต่างๆลง ผ่อนคลายความตึงเครียด เพราะมีทฤษฎีที่พบว่าฮอร์โมนจะหลั่งออกมาในขณะที่มีความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุให้มดลูกบีบตัวทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ แต่ว่าที่คุณแม่ของลูกผมงานยุ่งมากครับช่วงนี้ เพราะมีAudit จาก SGS เอาใจช่วยเธอครับ

                 ในหญิงตั้งครรภ์ที่ใกล้จะคลอดจะมีของเหลวสะสมอยู่ตามเข่า เท้า ขาส่วนล่าง ทำให้อวัยวะเหล่านั้นบวมขึ้น การยกขาสูง หรือการแช่ขาในอ่างน้ำเย็น จะช่วยให้อาการบวมดีขึ้น

                  คุณแม่บางท่านอาจมักจะหงุดหงิดรำคาญ ในช่วงนี้สิ่งที่มากระทบเล็กๆน้อยๆมักทำให้คุณแม่หงุดหงิดอยู่เสมอ ความอดทนของคุณแม่จะลดลง คุณแม่อาจจะหงุดหงิดกับการที่ต้องเดินเข้าห้องน้ำบ่อยมากนับครั้งไม่ถ้วนในตอนกลางคืน หรืออารมณ์เสียที่ไม่สามารถก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าของตัวเองได้

                   ความกลัวจะทำให้คุณแม่รู้สึกกังวลใจ อย่าเก็บความกลัวความกังวลเอาไว้กับตัว ลองพูดคุยกับคนอื่นจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น และจะทำให้คุณแม่หายกลัวได้หากถามถูกคน

                    เมื่อมาถึงขั้นที่ทารกมีการเจริญเติบโตเต็มที่ และพร้อมที่จะออกมาดูโลกแล้ว บางทีคุณแม่จะย้อนกับไปคิดถึงเรื่องราวในแปดเดือนที่ผ่านมา เรื่องราวบางอย่างที่เป็นสาเหตุให้คุณกังวลใจในอดีตอาจเป็นสิ่งที่ทำให้ขบขันได้ในตอนนี้

                     และเหมือนเป็นสัญชาติญาณของการทำรัง คุณแม่จะลุกขึ้นมาทำความสะอาดและตระเตรียมพื้นที่สำหรับต้อนรับสมาชิกใหม่ แต่ขอให้มีคนช่วยทำ และอย่าหักโหมเกินไปเพราะมันอาจทำให้คุณแม่ต้องไปโรงพยาบาลก่อนกำหนด

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แพรวา....ผ้าแพรวา


             แพรวา หรือ ผ้าแพรวาเป็นผ้าทอมืออันเป็นเอกลักษณ์ของชาวผู้ไทในจังหวัดกาฬสินธุ์ มีลักษณะเช่นเดียวกับผ้าสไบ ที่ใช้กันในหมู่ชาวไทยทั่วไป แต่มีสีสัน ลวดลาย ที่หลากหลายมากมาย และนิยมทอด้วยไหมทั้งผืน นับเป็นผ้าไทยอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้นับความนิยมสูงในหมู่ผู้นิยมผ้าไทยทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ 
              การทอผ้าแพรว่านั้น มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับการทอผ้าจก นั่นคือใช้มือจก ยกเส้นด้ายยืน แล้วสอดด้ายสีไปตามลายผ้าที่ต้องการ ชาวผู้ไทยืนยันว่าการทอแพรวาแบบผู้ไทแท้นั้น จะไม่ใช้อุปกรณ์อื่นช่วย ไม่ว่าจะเป็นเข็ม ไม้ หรือขนเม่น นอกจากนี้ยังให้ด้านหลังของลายอยู่ด้านบนของกี่ (การทอแบบจกหลายแห่งก็ทอแบบนี้) ส่วนกี่ทอผ้าแพรวานั้น เท่าที่สำรวจ พบแต่กี่ขนาดใหญ่ ขณะที่ผ้าจกนั้นมีกี่ (ฟืม) ขนาดแคบพอดีกับหน้ากว้างของผ้า (เดิมนั้นชาวผู้ไทคงมีกี่หน้าแคบสำหรับทอแพรวา หรือทอผ้าอื่นๆ แต่ปัจจุบันไม่ปรากฏกี่หน้าแคบเลย)ลวดลายของแพรวามีลักษณะคล้ายคลึงกับลายขิดอีสานอยู่บ้าง ที่แตกต่างกันก็มี ความหลากหลายของสีสันในแต่ละลวดลายนั้นน้อยกว่าผ้าจกของชาวไทยพวนหรือไทยยวน แต่มีลักษณะรวมกันคือลายหลักมักเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมแปียกปูน (อันเป็นโครงสร้างพื้นฐานของลายผ้า)
               ลวดลายของแพรวานั้นมีความหลากหลายพอๆ กับลายผ้าแบบอื่น ขึ้นกับความคิดสร้างสรรค์ของช่างทอนั่นเอง ลานหลักๆ ก็เช่น ลายนาคสี่แขน ช่อขันหมาก ดาวไต่เครือ และมีลายแถบ เช่น ดอกดาวหมู่ ดอกแปดขอ เป็นต้น ในผืนหนึ่งๆ จะลวดลายนับสิบลาย     การเรียงตัวของลายผ้านั้น เนื่องจากแพรวาใช้พาดในแนวตั้ง ลายผ้าจึงไล่ไปทางแนวตั้ง ขณะที่ผ้าจกลายผ้าจะไล่ไปแนวนอน ตามระดับการมอง     ผ้าแพรวาของชาวผู้ไทแต่เดิมนั้น มีโทนสีเป็นสีแดงคล้ำ หรือสีปูน เป็นหลัก เท่าที่สำรวจในแหล่งต่างๆ ไม่เคยเห็นผ้าแพรวาที่เก่ามากๆ เกิน 50-60 ปี เข้าใจว่าถูกซื้อไปจนหมด แม้กระทั่งในพิพิธภัณฑ์หลายที่อีสานก็ไม่มี
ผ้าแพรวาที่ทอในปัจจุบันจึงมีสองลักษณะ คือผ้าหน้าแคบขนาดแพรวาแบบเดิม (ผลิตน้อย) กับขนาดหน้ากว้างประมาณ 1 เมตร สำหรับการตัดเย็บใช้สอยอื่นๆ

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายว่าที่คุณแม่ในเดือนที่ 9 ่

           บริเวณท้องส่วนล่างจะรู้สึกหน่วงมากขึ้น เนื่องมาจากศีรษะของทารกที่เคลื่อนลงต่ำเพื่อเตรียมพร้อมต่อการคลอด จะมีน้ำหนักไปถ่วงบริเวณท้องส่วนล่างมากยิ่งขึ้น

            ตอนนี้คุณแม่เลิกกังวลกับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นได้แล้ว เพราะว่ามันกำลังจะหายไปในไม่ช้า น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแบ่งเป็น ส่วนทารก 38% ส่วนของเลือดและของเหลวที่เพิ่มขึ้น 22% ส่วนของมดลูก เต้านม ก้นและขา ที่ขยายใหญ่ขึ้น 20% เป็นน้ำหนักของน้ำคร่ำ 11% และ อีก 9% เป็นน้ำหนักของรก ปากมดลูกจะอ่อนนุ่มขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมที่จะขยายออก หรือเปิดออกให้ทารกเคลื่อนผ่านออกมาได้ ช่องคลอดจะมีการขยายความยาวออกด้วยเช่นกัน เส้นเลือดดำจะมีเลือดมาคั่งอยู่ทำให้บริเวณช่องคลอดมีสีออกม่วงๆ และคุณแม่ก็จะมีตกขาวออกมากขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากปากมดลูกมีการผลิตเยื่อเมือกออกมามากขึ้น คุณแม่ต้องระมัดระวังในการทรงตัวให้มากยิ่งขึ้น เพราะน้ำหนักของหน้าท้องที่มากขึ้นจะทำให้เสียสมดุลของการทรงตัว เป็นสาเหตุให้ปวดหลัง

อายุครรภ์ประมาณ 36 สัปดาห์

             เมื่ออายุครรภ์ประมาณ 36 สัปดาห์ ทารกจะมีความสมบูรณ์ของร่างกายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว และจะสามารถมีชีวิตรอดได้หากมีการคลอดก่อนกำหนด โดยอาจไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในหน่วยบริบาลทารกแรกเกิดของโรงพยาบาลนานนัก เนื่องจากปอดสมบูรณ์เต็มที่แล้ว พร้อมที่จะทำงานเมื่อทารกออกสู่โลกภายนอก


             ในช่วงสี่สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ทารกจะมีการเพิ่มน้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็วและมีการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังจะทำให้ทารกดูอ้วน แก้มยุ้ย ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมตัวในการรองรับแรงกดที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการคลอดนั่นเอง

              ขนที่ปกคลุมร่างกายอยู่มากมายจะเริ่มหายไป และมีไขมันมาเคลือบผิวหนังอยู่แทน ไขมันเหล่านี้จะช่วยปกป้องผิวที่บอบบางของทารกเอาไว้ ผิวหนังอาจจะลอกและแห้งแตกบ้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า และผิวหนังมักมีสีค่อนข้างซีดเมื่อแรกคลอด

             ใบหน้าเมื่อแรกคลอดจะค่อนข้างกลม และรอบขอบตาอาจดูคล้ำเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเองถึงแม้บางคนจะใช้เวลานานถึงหกเดือนก็ตาม

               แขนและขาจะอยู่ในท่างอ นิ้วมือและนิ้วเท้ามีความสมบูรณ์เต็มที่ และนิ้วมือและนิ้วเท้าเล็กๆนั้นจะมีเล็บที่บางและคมซึ่งอาจทำให้ข่วนตัวเองได้ซึ่งคุณอาจจะเห็นรอยข่วนนั้นได้เมื่อทารกคลอดออกมา

              หากเป็นทารกเพศชาย ตอนนี้ลูกอัณฑะจะเคลื่อนลงมาอยู่ในถุงอัณฑะเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะสามารถมองเห็นได้จากการตรวจอัลตร้าซาวน์ สำหรับทารกเพศหญิงจะมีเนื้อเยื้อของเต้านมและหัวนมได้เคลื่อนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว

ขี้เทาที่อยู่ในลำไส้ของทารกจะทำให้ระบบขับถ่ายเริ่มมีการเคลื่อนไหวและขับถ่ายเป็นครั้งเมื่อทารกออกสู่โลกภายนอก

            ทารกจะมีการเคลื่อนไหวน้อยลงเมื่อคุณใกล้คลอด แต่ทารกที่อยู่ในสภาวะที่ไม่ดีนักก็จะเคลื่อนไหวน้อยลงเช่นกันเพื่อเก็บพลังงานเอาไว้ ดังนั้นเมื่อคุณตื่นนอนขึ้นในตอนเช้าและก่อนเข้านอน นั่งอยู่บนเตียงสักสามสิบนาทีและนับจำนวนครั้งของการเคลื่อนไหวของทารก หากคุณนับได้จำนวน 5 – 6 ครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้วและคุณก็สบายใจได้ว่ามีความปลอดภัยภายในโลกส่วนตัวเล็กๆนั้น ทารกเคลื่อนไหว 10 ครั้งต่อวันถือว่าปกติดี

             ปอดของทารกนั้นมีการพัฒนาจนสมบูรณ์เต็มที่ มีการผลิตฮอร์โมนบางชนิดออกมาซึ่งช่วยในการพัฒนาความสมบูรณ์ของปอดภายหลังการคลอด

หัวใจของทารกจะเต้นประมาณ 110-150 ครั้งต่อนาที เมื่อทารกคลอดออกมาจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในระบบไหลเวียนเลือด เมื่อปอดมีการขยายตัวออก ทำให้เลือดมีการไหลผ่านไปยังปอด และเกิดระบบไหลเวียนเลือดที่สมบูรณ์

รกซึ่งให้อาหารและออกซิเจนแก่ทารกมาเป็นเวลานานจะมีความสมบูรณ์เต็มที่เมื่ออายุครรภ์ 34 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะเริ่มมีการเสื่อมสภาพลง เมื่อมีการคลอดรกออกมา รกจะมีน้ำหนักประมาณ 1 ใน 6 ของน้ำหนักของทารก

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันนี้เริ่มต้นเดือนที่ 9 สำหรับการตั้งครรภ์ของทิพย์

เมื่อวานไปพบหมอที่รพ.นวมินทร์ 9 มา น้องในท้องปกติทุกอย่าง  แต่หมอทักน้ำคร่ำน้อยนิดหนึ่งไม่ถือว่าผิดปกติ หมอนัดอีกครั้งวันที่  6  พ.ย. 53 ระหว่างสัปดาห์ที่ 33 - 40 หมอนัด 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง ตอนนี้ญาติตื่นเต้นกันทุกคน  น้องบัญชีที่โรงงานให้ชุดสำหรับน้องผู้หญิงมา 3 ชุด แต่ว่าที่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่เตรียมอะไรครับ เตรียมเงินอย่างเดียว ถือแบบโบราณนิดหนึ่ง เพราะคุณพ่อคุณแม่ทั้งผมและทิพย์ ก็โบราณนิดหนึ่ง  แต่เราสองคนก็ตื่นๆเต้นนะครับว่าที่คุณแม่รู้สึกว่าแต่ละวันแต่ละสัปดาห์เร็วมาก นี้ก็เริ่มสัปดาห์ที่ 33 แล้ว วันเสาร์ที่ 30 และอาทิตย์ ที่ 31 ว่าที่คุณแม่ก็ต้องอุ้มท้องไปนั่งสอบ มสธ . ปริญญาตรีใบที่ 2 ของเธอครับ เอาใจช่วยสู้ ๆ ว่าที่คุณแม่เรียนจบเราสองคนตั้งใจเรียนต่อแพทย์แผนไทยด้วยกัน เผื่อนำความรู้มาต่อยอด สมุนไพรทิพย์ ครับ  วันนี้ก็เลยให้ว่าที่คุณแม่พักผ่อนอ่านหนังสือ ผมไปขายของคนเดียวแดดร้อนนะครับตอนนี้ พอฝนหยุดแดดก็ร้อนอากาศเมืองไทย เป็นเช่นนี้แล

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายคุณแม่่ .....เมื่อถึงเดือนที่ 8 ของการตั้งครรภ์

                   อาการปวดที่รอยต่อของกระดูกเชิงกรานสามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อทารกมีขนาดใหญ่และเคลื่อนตัวลงสู่อุ้งเชิงกราน กระดูกรอยต่อ และกล้ามเนื้อที่ยึดมดลูกจะถูกกดดันหรือดึงรั้งทำให้เมื่อเดินหรือเคลื่อนไหวร่างกายจะรู้สึกเจ็บได้


                    ว่าที่คุณแม่จะรู้สึกว่าตัวเองนั้นเคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่วเหมือนก่อน หรือจะเรียกว่าอุ้ยอ้ายก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจะเดินหรือวิ่ง

                    ว่าที่คุณแม่บางคนมักจะมีปัสสาวะเล็ดเมื่อหัวเราะ หรือไอ เป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ร่างกายสร้างออกมามากขึ้นเป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อคลายตัว รวมถึงกล้ามเนื้อหูรูดของกระเพาะปัสสาวะ

                      ริดสีดวงทวาร แรงกดดันที่ศีรษะของทารกกดลงบนอุ้งเชิงกราน เพิ่มแรงดันในหลอดเลือดดำ ทำให้เกิดเป็นริดสีดวงทวารขึ้นทำให้เจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่าที่คุณแม่ที่ท้องผูกบ่อยๆมักจะเป็นริดสีดวงทวารได้โดยง่าย บางทีริดสีดวงทวารทำให้เลือดออกได้ อย่าอายที่จะบอกคุณหมอ เพราะเป็นเรื่องธรรมดามากที่จะเกิดริดสีดวงทวารขึ้นในหญิงตั้งครรภ์ และคุณหมอจะมียาที่ช่วยให้คุณบรรเทาอาการเจ็บปวด พยายามอย่ายืนนานๆจะเพิ่มแรงดันให้เพิ่มมากขึ้น

                    อาการหายใจไม่พอจะมีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเข้าสู่เดือนที่แปดและเก้า ยอดของมดลูกจะอยู่สูงถึงระดับซี่โครงชิ้นล่างสุด และดันกระบังลมของคุณแม่ขึ้นไป ทำให้คุณรู้สึกอึดอัด หายใจไม่สะดวก หรือหายใจไม่พอ ลองหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ แต่ลึกๆ จะช่วยให้ดีขึ้น และไม่มีผลกับการเจริญเติบโตของทารก พยายามยืนหรือนั่งให้หลังตรงอยู่เสมอจะช่วยให้อากาศไหลเข้าสู่ปอดได้มากขึ้น ในเวลานอนมดลูกจะดันกระบังลมขึ้นไปอีก ให้เอาหมอนหลายๆใบหนุนไหล่และศรีษะให้สูงขึ้น หรือนอนท่ากึ่งนอนกึ่งนั่ง จะทำให้คุณหายใจสะดวกและหลับสบายขึ้น

                   คุณแม่อาจสังเกตเห็นว่าร่างกายของคุณแม่นั้นอ้วนฉุ เนื่องมาจากการบวมขึ้นของอวัยวะต่างๆ ที่มีของเหลวมาสะสมอยู่ เช่น ใบหน้า รอบตา ริมฝีปาก มือ ขา เข่า และเท้า เนื่องจากมีน้ำมาสะสมในเซลล์ไม่ถือเป็นความผิดปกติ ไม่มีความจำเป็นต้องลดเกลือในอาหารลง เพียงแต่หลับพักผ่อนให้มากพอ

พัฒนาการของทารกในครรภ์ เมื่อครบสัปดาห์ที่ 32 ครับ

                     เมื่อจะสิ้นสุดปลายเดือนที่แปดนี้ทารกจะมีความยาวประมาณ 36 เซนติเมตร และหนักประมาณ 3.5 กิโลกรัม ทารกมีการพัฒนารูปร่างและการทำงานของร่างกายไปจนเกือบสมบูรณ์แล้ว จะจะมีชีวิตรอดได้หากคลอดออกมาในเดือนนี้ โดยอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องช่วยหายใจในหน่วยบริบาลทารกแรกเกิดของโรงพยาบาล เพราะปอดมีความสมบูรณ์มาก แต่ทารกก็ยังมีการสร้างฮอร์โมนขึ้นมาเพื่อช่วยให้ปอดสมบูรณ์มากขึ้น เป็นการเตรียมพร้อมในการหายใจหลังคลอด ในสี่สัปดาห์สุดท้ายก่อนคลอดทารกจะมีการพัฒนาในเรื่องของน้ำหนัก และการสร้างชั้นไขมันใต้ผิวหนังเพื่อป้องกันและรองรับแรงที่จะเกิดขึ้นระหว่างการคลอด


                สมองมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วในเดือนนี้ ทารกสามารถเรียนรู้สิ่งที่อยู่ภายนอก ลองคุยกับลูก หรือ เปิดเพลงเบาๆให้ฟัง เพื่อสร้างความคุ้นเคย

                 ใบหน้าของทารก เมื่อคลอดจะมีลักษณะกลมและขอบตาอาจมีสีคล้ำ แต่หลังจากนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังและสีผิว

                 แขนขาของทารกนั้นได้มีการพัฒนาเสร็จสมบูรณ์ และนิ้วมีนิ้วเท้ามีเล็บขึ้นเต็มปลายนิ้วพอดี

                  ขนอ่อนๆตามตัวของทารกนั้นได้หายไปเกือบหมดในเดือนที่แปด แต่บางส่วนก็ยังมีเหลืออยู่ให้เห็นหลังคลอด ผิวหนังของทารกจะมีสีซีด ลอกเป็นขุย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง

                  อวัยวะของระบบสืบพันธุ์ในทารกเพศหญิงจะมีเนื้อเยื่อที่จะเจริญไปเป็นเต้านมและหัวนมเริ่มเห็นชัดเจน ในทารกเพศชาย ลูกอัณฑะที่เคยอยู่ในช่องท้องตอนนี้ได้เคลื่อนตัวลงมาอยู่ในถุงอัณฑะเรียบร้อยแล้ว

                   ในเดือนที่แปดนี้จะหมุนตัวกลับเอาศีรษะลงไปสู่เชิงกรานของแม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด แต่บางทีก็ไม่เป็นเช่นนั้น คุณหมอสามารถตรวจพบได้จากการตรวจอัลตร้าซาวด์ และคุณสามารถพบว่าส่วนที่แข็งๆและเป็นศีรษะของทารกอยู่บริเวณชายโครง และเท้าเล็กๆถีบลงบนบริเวณท้องส่วนล่างของคุณ หากในเดือนที่เก้าทารกยังคงไม่หมุนศีรษะกลับลงมาสู่อุ้งเชิงกราน การผ่าตัดคลอดก็จะถูกกำหนดขึ้น

น้ำเสียงของว่าที่คุณพ่อมีผลต่อลูกในครรภ์ครับ

              นับอายุครรภ์ของทิพย์ วันเสาร์ที่ 23 ต.ค. 53 จะครบ 32 สัปดาห์ ช่วงนี้ทิพย์บอกว่าน้องดิ้นเก่งมาก ๆ ครับ เริ่มจากแบบเบา ๆๆ ตอนประมาณตี 3 -4 ของทุกวัน และในระหว่างวันแทบจะตลอดเวลา เธอกลัวลูกไม่ได้พักผ่อน แต่เท่าที่เราเรียนมา เด็กทารกในครรภ์เขาน่าจะมีวงจรการนอนหลับของเขาแล้วละนะ  ช่วงนี้ผมกับทิพย์เจอกันอาทิตย์ละ 2 วันเช่นเคย คือวันพุธ กับเย็นวันเสาร์ และวันหยุดของเราที่ทั้งสองคนใฝ่ฝันหา คือวันอาทิตย์ ผมจะได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกในท้องของว่าที่คุณแม่   จากที่ทิพย์เขาสังเกตดูวันที่ทิพย์พักที่หอพักของบริษัท ฯ วันที่อยู่คนเดียวลูกจะดิ้นไม่ค่อยมาก  ส่วนเย็นวันพุธ   และเย็นวันเสาร์  อาทิตย์ หลังอาหารเย็นประมาณ 3 เท่าดิ้นไม่หยุดประมาณ 1 ชั่วโมงที่เขาได้อยู่กับว่าที่คุณพ่อ  เทคนิคทักทายลูกในครรภ์พูดคุยกับเขา ผมเล่านิทานให้ลูกฟัง  แล้วใช้มือลูบที่หน้าท้องของว่าที่คุณแม่ แล้ววางมือที่หน้าท้อง น้องเขาจะสัมผัสได้ แล้วจะดิ้นตอบเราช่วงนี้จะสังเกตเห็นหน้าท้องของว่าที่คุณแม่เป็น คลื่น ๆ ๆ ครับ วันไหนที่ลูกดิ้นว่าที่คุณพ่อ คุณแม่มือใหม่อย่างผม หรือ เพื่อน ๆ ท่านอื่นก็คงสบายใจ ครับ
              วันเสาที่จะถึง จะพาว่าที่คุณแม่ไปพบคุณหมอ หมอนัดวันเสาร์ที่ 23 ต.ค. 53  ดีครับไม่ต้องหยุดงาน

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายคุณแม่ สำหรับการตั้งครรภ์เดือนที่ 7

                 อาการท้องอืด มีลมในกระเพาะอาหารมาก และท้องผูกยังคงเป็นอาการที่รบกวนคุณแม่อยู่ ขนาดของมดลูกที่โตขึ้นจะดันกระเพาะอาหารขึ้นไป หากคุณแม่รับประทานอาหารแล้วแน่นท้องมาก ควรแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยๆอีกครั้ง


                 ในไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์นี้ อาการบวมตามมือและเท้าเกิดขึ้นเป็นปกติ เพราะร่างกายสะสมน้ำไว้มาก อาจจะสังเกตได้จากแหวนที่คับมากขึ้น

                   ผิวหนังของคุณแม่จะแพ้ง่ายมากในช่วงนี้ อาจมีผื่นขึ้น หรือเป็นสิว ไม่ต้องกังวล แต่ถ้าหากเป็นมากควรไปปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

                  อัตราการเต้นของหัวใจจะเพิ่มขึ้น เพราะหัวใจต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อที่จะสูบฉีดเลือดไปเลี่ยงร่างกาย รก และทารก ดังนั้นอัตราการเต้นของหัวใจของคุณแม่มักจะสูงกว่าปกติประมาณ 10 – 15 ครั้งต่อนาที คุณแม่บางท่านอาจถูกตรวจพบว่ามีเสียงผิดปกติของการเต้นของหัวใจ แต่มันจะหายไปเมื่อคลอดแล้ว

                 เต้านมของคุณแม่ยังขยายต่อไปอีก รวมถึงต่อมผลิตน้ำนมก็มีความพร้อมแล้วที่จะผลิตน้ำนมออกมาเลี้ยงทารก ในไตรมาสสุดท้ายนี้คุณแม่อาจมีน้ำนมสีเหลืองไหลออกมาเล็กน้อย เป็นเรื่องปกติ ข้อควรระวังก็คือระวังการกระตุ้นที่บริเวณนมเพราะจะทำให้มดลูกบีบตัวและเกิดการคลอดก่อนกำหนดได้

                 อาการปวดหลังของคุณแม่จะเป็นมากขึ้นและบางทีส่งผ่านลงไปที่ขาทั้งสองข้าง ครึ่งหนึ่งของหญิงตั้งครรภ์มีอาการปวดหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการตั้งครรภ์ดำเนินเข้าสู่ไตรมาสที่สาม อาการเจ็บที่หลังและส่งผ่านลงไปที่ขาอาจเกิดขึ้นได้จากการที่กระดูกสันหลังส่วนล่างนูนออก จากการที่ถูกมดลูกที่มีขนาดโตขึ้นดัน ทำให้เส้นประสาทเกิดการบาดเจ็บ หรือถูกกด หรือบางทีการที่คุณแม่ก้มยกของโดยท่าทางไม่ถูกต้อง หรือบิดตัวเร็วเกินไป อาจเป็นสาเหตุให้ปวดหลัง และบางครั้งอาการปวดหลังก็หายไปเมื่อทารกเปลี่ยนท่า

                 หากคุณแม่นอนเอนหลังลงไปแล้วทำให้ไม่สุขสบาย นั่นเกิดจากการที่มดลูกที่มีขนาดใหญ่ลงไปกดอวัยวะต่างๆตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้เลือดที่ไปหัวใจมีปริมาณน้อยลง ลองนอนตะแคงจะช่วยให้รู้สึกสบายมากขึ้น

                  คุณแม่จะเริ่มลุกจากเตียงลำบากขึ้น ให้นอนตะแคงก่อนแล้วใช้มือช่วยดันตัวขึ้นมาหากคุณแม่มีอาชีพที่จำเป็นต้องยืนนานๆ อาจขอถุงเท้าที่ช่วยพยุงขาจากคุณหมอ หรือพยาบาล เนื่องจากอาการของเส้นเลือดขอดอาจเป็นมากขึ้น

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

ทิพย์ตั้งครรภ์เข้าสู่เดือนที่ 7 แล้วครับ ( สัปดาห์นี้ก็สัปดาห์ที่ 27 )

           สัปดาห์ในเป็นสัปดาห์ที่ 27  แล้วของการตั้งครรภ์ของทิพย์  ช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าที่คุณแม่ไม่สบาย ต้องเข้ารับการรักษาอาการไข้หวัด  ไอ  เจ็บคอ ตอนนี้อาการของไข้หวัดหายแล้วครับเหลือแต่อาการไอเล็กน้อย เมื่อวันพุธที่ผ่านมาหมอก็เลยจับตรวจดูสุขภาพทารกในครรภ์ของว่าที่คุณแม่หลังจากไม่สบาย ทุกอย่างปกติก็เลยโล่งครั้ง ตอนนี้กลับมาดิ้นเหมือนเดิม ช่วงที่คุณแม่เป็นไข้ดิ้นน้อยมาก ทำให้ว่าที่คุณแม่กังวล อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่คุณแม่ทานลงไม่ ครับ ทั้งแก้อักเสบ ยาต้านไวรัส  และยาสามัญประจำตัวหญิงตั้งครรภ์ ยาพารา เวลาปวดเป็นไข้  สัปดาห์นี้ผมต้องให้ว่าที่คุณแม่โด๊ปหนัก ๆ ขอให้ทานนมให้วันละ 1 ลิตร ชดเชยช่วงที่ป่วย

         ในเดือนที่เจ็ดนี้ทารกมีน้ำหนักประมาณ 1.1 กิโลกรัม และยาวประมาณ 26 เซนติเมตรแล้ว ส่วนยอดของมดลูกอยู่บริเวณกึ่งกลางระหว่างสะดือกับใต้อก ตอนนี้ทารกมีไขมันมาสะสมตามร่างกายมากขึ้น ผิวหนังถูกปกคลุมด้วยไขสีขาวที่ช่วยปกป้องผิวหนังจากน้ำคร่ำ หากคลอดทารกในตอนนี้ ทารกยังมีโอกาสรอดชีวิตได้สูงภายใต้การดูแลพิเศษในโรงพยาบาล


            สมองได้มีการพัฒนาขนาดโตขึ้นมาก และมีชั้นไขมันที่ปกคลุมเส้นประสาททั้งหมดเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการรับส่งกระแสประสาทได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ทารกสามารถเรียนรู้ได้ สมองมีการพัฒนาส่วนที่จะใช้คิดคำนวณ และตอนนี้ทารกสามารถรู้สึกเจ็บ ร้องไห้ เมื่อถูกกระตุ้นด้วยเสียง หรือแสง ทารกจะตอบสนองโดยการลืมตา จะเห็นว่าทารกมีพฤติกรรมเกือบจะเหมือนกับทารกที่ครบกำหนดแล้ว

              เสียงดังจากภายนอกมีผลต่อทารกในครรภ์ ทารกจะได้ยินเสียงนั้น และมีรายงานการวิจัยซึ่งพบว่าเสียงดังทำให้ทารกมีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น แม้แต่เสียงเพลงที่ดังเกินไปก็ตาม ดังนั้นคุณแม่ที่ทำงานในโรงงานที่มีเสียงเครื่องจักรดังๆ ควรปรึกษากับหัวหน้าเพื่อย้ายไปทำงานในจุดอื่นซึ่งเงียบสงบระหว่างการตั้งครรภ์ หรือการขอลาพัก

             ตอนนี้ทารกขดตัวอยู่ในท้องคุณแม่เนื่องจากตัวเริ่มโตขึ้นและยาวขึ้น ทำให้พื้นที่มีจำกัด อย่างไรก็ตามทารกยังสามารถที่จะเปลี่ยนท่าได้ในขณะที่ทารกกำลังเคลื่อนไหว เนื่องจากปริมาณน้ำคร่ำน้อยลง คุณแม่จึงสามารถรู้สึกได้จากการเคลื่อนไหวของทารกได้อย่างชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวนั้นขึ้นอยู่กับว่า ทารกอยู่ในท่าใด ตำแหน่งของรก และโครงสร้างร่างกายของคุณแม่เองบางครั้งชัดเจนมากจนสามารถมองเห็นจากผนังหน้าท้องของคุณแม่ได้เลย ลองให้คุณพ่อวางมือลงบนหน้าท้องในช่วงเวลาเย็นที่คาดว่าทารกจะมีการเคลื่อนไหวมากที่สุด บางทีคุณพ่ออาจสามารถรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของทารกจากโลกภายนอก

             ทารกสามารถรับรู้รสชาติได้ ผู้เชี่ยวชาญบางท่านเชื่อว่าปุ่มรับรสของทารกที่อยู่ในครรภ์สามารถรับรู้รสได้ดีกว่าตอนที่อยู่ในโลกภายนอกเสียอีก

             สารหล่อลื่นภายในปอดของทารกหรือ Surfactant ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทารกสามารถหายใจในโลกภายนอกได้ โดยที่สารหล่อลื่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ถุงลมเล็กๆนั้นแฟบติดกัน แต่สารหล่อลื่นนี้จะมีปริมาณมากพอก็ต่อเมื่อทารกมีอายุครบกำหนดแล้ว หากทารกคลอดก่อนกำหนด อาจเกิดภาวะหายใจลำบากขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคลอดเร็วก่อนกำหนดมากๆ การตั้งครรภ์โดยมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องคลอดก่อนกำหนด เช่น มารดามีภาวะความดันโลหิตสูง มีทารกในครรภ์มากกว่าสองคน แพทย์อาจให้ยาฉีดแก่แม่เพื่อช่วยเพิ่มระดับของ Surfactant ในปอดของทารกในครรภ์ได้ แต่ถ้าหากถุงน้ำแตกก่อนกำหนด หรือคลอดก่อนกำหนดโดยที่ไม่ได้มีการเตรียมตัวมาก่อน กุมารแพทย์อาจพิจารณาให้ surfactant สังเคราะห์แก่ทารกเมื่อหลังคลอดทันทีเพื่อป้องกันการแฟบติดกันของถุงลมทำให้เกิดภาวะหายใจลำบาก

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรใช้ยารักษาสิว

                 ขอเตือนคนที่กำลังเป็นคุณแม่ที่รักสวยรักงาม และกลัดกลุ้มกับปัญหาเรื่อง “สิว” ที่มากวนใจ ต้องระมัดระวังอย่างหนัก จะหยิบจะจับยากินหรือทายารักษาสิวชนิดใด ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ เพราะยารักษาสิวนั้นมีสิทธิ์อาจทำให้ลูกในท้องถึงขั้น พิการได้เลยทีเดียว!!
                  
                  ทั้งนี้ นพ.ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์อเมริกันบอร์ดสาขาโรคผิวหนัง และอาจารย์พิเศษภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เขียนบทความเรื่อง โรคสิวในเวชปฏิบัติ ในวารสารการแพทย์ (วารสารคลินิก) เดือนกุมภาพันธ์ เตือนเอาไว้ว่า
               ยารักษาสิวหลายตัวทั้งในรูปแบบทายาและยากิน มีผลเสียต่อเด็กในครรภ์ได้ โดยเฉพาะกลุ่มยาทาสิวที่ต้องระมัดระวังคือ ยาทากลุ่มกรดวิตามินเอ หรือ เรตินอยด์ ได้แก่ Tretinoin, Isotretinoin, Adapaleno ซึ่งยากลุ่มนี้ยังไม่ยืนยันความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์ ส่วน Tazarolene นั้นห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์โดยเด็ดขาด
                  ส่วนยากินที่ใช้รักษาสิวและห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์ เด็ดขาด คือยากลุ่มเดตตร้าชัยคลิน ได้แก่ Tetracycline, Doxycycline และ Minoeyeline ซึ่งเป็นยากินรักษาสิวที่ใช้กันมาก เนื่องจากยาตัวนี้มีผลต่อกระดูกและฟันของเด็กอ่อนในครรภ์และเด็ก จึงห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์ และไม่ให้ใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 8 ขวบ หรือจนกว่าจะมีฟันแท้ ขึ้นครบ ส่วนยากินกลุ่มซัลฟา คุณหมอประวิตรก็ไม่แนะนำให้ใช้ในหญิงมีครรภ์ และยาสำหรับกินรักษาสิว กลุ่มฮอร์โมน เช่น Spironolactone, Cyproterone acetate ระหว่างกินยาชนิดนี้ก็ห้ามตั้งครรภ์ เพราะลูกน้อยในท้องที่เป็นเพศชาย มีสิทธิ์กระเดียดเป็นเพศหญิงได้
                 นอกจากนี้ คุณหมอประวิตรยังย้ำอีกว่า ยากินรักษาสิวที่มีผลเสียต่อเด็กทารกมากที่สุด เป็นเหตุให้เด็กต้องพิการหลายพันคนทั่วโลก คือ เรตินอยด์ หรือ Isotretinoin ยาตัวนี้จะทำให้เด็กทารกพิการ ดังนั้นสาวๆกำลังตั้งครรภ์ต้องจำขึ้นใจอย่าใช้ยาตัวนี้เด็ดขาด หรือใครที่คิดจะตั้งครรภ์ เคยใช้ยาตัวนี้ก็ต้องหยุดกินยาให้ครบ 1 เดือนก่อน การตั้งครรภ์จึงปลอดภัย และระหว่างให้นมลูกก็ห้ามใช้ยาตัวนี้ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงห้ามบริจาคเลือดระหว่างกินยานี้ การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ส่วนความผิดปกติที่พบร้อยละ 25-30 ของหญิงตั้งครรภ์ที่กินตัวยานี้ เด็กมีความผิดปกติในกะโหลกและใบหน้า หัวใจ ระบบประสาทส่วนกลาง
               ที่ต้องออกมาเตือนกันนั้น คุณหมอประวิตรบอกว่า เป็นเพราะในเมืองไทยสามารถหาซื้อยา ตัวนี้ได้ง่ายและไม่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์นั่นเอง!!


เนื้อหาจาก sanook.com

           

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ลูกเริ่มดิ้น ....ออกกำลังกายในครรภ์แม่ถี่ขึ้น

           หลังจากไม่ได้พบกับทิพย์นับได้ก็ 6 วันที่ผ่านมา  ได้อยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้ ท้องโตขึ้นเห็นได้ชัดเจนครับ ทิพย์บอกว่าลูกดิ้นถี่และชัดเจนขึ้นอาหารการกินช่วงนี้ทานได้เยอะขึ้น เมื่อคืนมีหิวกลางดึกแต่ว่าที่คุณแม่ไม่ได้ลุกขึ้นมาทานครับ รอถึงเช้าผมไปส่งที่ทำงานที่วังน้อย ตอนนั่งรถไปบ่นหิว สงสัยเมื่อคืนนี้น้องจะออกกำลังกายเยอะไปหน่อย ก่อนนอนผมเริ่มคุยกับลูก 6 วันที่ผ่านมาที่เราไม่ได้เจอกันพ่อไปทำอะไรมา เล่าเหมือนเล่านิทาน เสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ ลูกจะได้จำเสียงเราได้ หลังจากพูดคุยกับเขาเสร็จ ใช้มือลูบหน้าท้องทิพย์ และวางมือเบา สังเกตได้ชัดว่าน้องดิ้นแรง ๆ มือผมสัมผัสได้ประมาณ 6 ครั้ง และก็หยุดไป น่าจะหลับไปแล้ว วันนี้ว่าที่คุณแม่คนเก่งทำงานครับ ส่วนผมวันนี้พักผ่อนเพราะฝนเป็นใจ กะจะออกไปตั้งร้านแต่ฝนตกตอน 8.00 น. ขอเปลี่ยนใจ ทำงาน Online ที่ค้างอยู่แล้วกันครับ ไม่ได้ปรับปรุงร้านสมุนไพรทิพย์ หลายสัปดาห์แล้วครับ

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ว่าที่คุณแม่...หญิงแกร่งสำหรับคุณแม่ของลูกผม

นับถึงวันนี้เป็นเวลา 6 วันแล้วครับ ที่ผมและทิพย์ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เช้าวันจันทร์ผมขับรถไปส่งเธอที่ บริษัท ฯ (วังน้อย )เย็นวันอังคารที่ 10 ส.ค. 53 ผมกลับบ้านต่างจังหวัดที่สกลนคร ไปทำธุรกิจส่วนตัว ( ดำนาช่วยแม่ ) กลับบ้านไปหาแม่ด้วยหลังจากกลับไปหาแม่ครั้งล่าสุด เมื่อสงกรานต์ เมษาที่ผ่านมา ทิพย์ทำงานถึงวันที่ 11 ส.ค.53 หยุดงาน 12 ส.ค.53 - 14 ส.ค.53 เช้าวันที่ 12 ส.ค. 53 ทิพย์เดินทางกลับบ้านที่สุพรรณ เป็นครั้งแรกของการเดินทางระหว่างการตั้งครรภ์ ลำบากนิดหนึ่งนะครับ เช้าวันที่ 12ส.ค. เธอเล่าว่ารอรถสองแถวหน้าโรงงานตั้ง 1 ชม.กว่ารถจะมาไปถึงศรีประจันต์ 10.00 น. แม่มารับ
วันนี้ เธอเดินทางกลับ เย็นนี้เจอกันให้หายคิดถึงครับ ต้องขอขอบคุณโทรศัพท์ ที่ทำให้เราติดต่อกันได้วันละหลาย ๆครั้ง พูดคุยสอบถาม เกี่ยวกับตัวเธอ และ ทารถน้อยในครรภ์ ครับ

วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

9 เดือนมหัศจรรย์......กับครรภ์คุณภาพ (2)

โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น จัดโครงการอบรม"คุณแม่คุณภาพ" ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 2 เมื่อวันเสาร์ ที่ 24 เมษายน 2553 โดยมีการบรรยายให้ความรู้กับว่าที่คุณแม่ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจก่อนการคลอด ซึ่งช่วงที่ 1 "9 เดือนมหัศจรรย์ ... กับครรภ์คุณภาพ "โดย พญ.วิมลมาศ สุภาพร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวช

9 เดือนมหัศจรรย์ ... กับครรภ์คุณภาพ

โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น จัดโครงการอบรม"คุณแม่คุณภาพ" ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 2 เมื่อวันเสาร์ ที่ 24 เมษายน 2553 โดยมีการบรรยายให้ความรู้กับว่าที่คุณแม่ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจก่อนการคลอด ซึ่งช่วงที่ 1 "9 เดือนมหัศจรรย์ ... กับครรภ์คุณภาพ "โดย พญ.วิมลมาศ สุภาพร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวช


วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตรวจครรภ์เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 53

           จากการตรวจครรภ์ทิพย์ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 53 ผลจากการอัลตร้าชาวด์ คุณหมอยังไม่สามารถบอกเพศได้ครับ น้องยังอายอยู่ครับ แต่ไม่เป็นไร สำหรับผมภาวนาให้ลูกเกิดมาสุขภาพร่างกายแข็งแรง น้ำหนักทิพย์ขึ้น 3.5 กิโลกรัม ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่หมอตั้งไว้สักเท่าไหร่ เพราะหมอบอกว่าให้ได้สัปดาห์ละ ครึ่ง กิโลกรัม ให้กำลังใจว่าที่คุณแม่ต่อไป ช่วงนี้ลูกโตขึ้นทุกวันอาจจะไปดันกระเพาะ ถ้าว่าที่คุณแม่ทานอิ่มก็จะอึดอัด แนวทางในการแก้ไขเบื้องต้นที่ทำได้ควรแบ่งมื้ออาหารออกครับ อย่าทานเป็นมือหนัก เช้า กลางวัน เย็น ควรย่อยออกมาอีกสัก 2-3 มื้อ รวมเป็น 6 มื้อต่อวัน  ว่าที่คุณแม่ของลูกก็ปฏิบัติตามอยู่ครับ  ในระหว่างเดือนที่ 5 -7 ลูกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วผมก็เลยกำหนดให้ว่าที่คุณแม่พยายามทานนมให้ได้วันละ 750 ml . เป็นอย่างน้อย และช่วงนี้อาจมีอาการท้องผูกร่วมด้วย ทานผักผลไม้เยอะ ๆ เป็นผลดีต่อลูกและคุณแม่แน่นอนครับ

         สำหรับพัฒนาการของทารกน้อยเมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ที่ 24 ทารกจะมีความยาวประมาณ 13 นิ้ว มีน้ำหนักประมาณ 2 ปอนด์ และอวัยวะต่างๆได้มีการพัฒนาไปจนเกือบสมบูรณ์แล้ว


         ใบหน้าเล็กๆและเรียว ทำให้ดูตาโต และเมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ที่ 22 - 24 เปลือกตาเริ่มที่จะเปิดออกได้ ทารกจะสามารถลืมตาได้แล้ว และมีขนคิ้วขึ้นบางๆ

          หากในเดือนนี้คุณได้รับการตรวจอัลตร้าซาวด์ คุณอาจกำลังพยายามนึกถึงคนในครอบครัวว่าทารกจะคล้ายกับใคร แต่อย่าเพิ่งกังวลเพราะหน้าตาจะยังเปลี่ยนไปอีกมากกว่าจะคลอด

          ผิวหนังของทารกยังคงบางมาก แต่ตอนนี้ไม่สามารถมองทะลุลงไปเห็นเครือข่ายเส้นเลือดได้แล้ว ผิวหนังของทารกตอนนี้จะเห็นเป็นสีออกแดงระเรื่อ และอาจจะดูเหี่ยวย่นเนื่องจากยังมีไขมันมาสะสมตามร่างกายไม่มากนัก และต่อมเหงื่อได้มีการพัฒนาขึ้นภายใต้ผิวหนัง

         นิ้วมือกำลังพัฒนา ทารกของคุณมีลายนิ้วมือแล้วในตอนนี้เช่นเดียวกับนิ้วเท้า

           ทารกจะถูกล้อมรอบด้วยน้ำคร่ำ 500 มิลลิลิตร ซึ่งจะช่วยให้ทารกสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและช่วยให้ทารกสามารถพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคล้ายกับการซ้อมเคลื่อนไหว หรือออกกำลังกาย หรือบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายให้หายเมื่อย ทารกสามารถเตะ ดูดนิ้ว หรือ อ้าปาก นอกจากนี้ทารกของคุณสามารถไอหรือสะอึกได้ด้วย แต่ไม่ต้องกังวลเพราะทารกสามารถช่วยตัวเองได้โดยกลืนน้ำคร่ำอุ่นๆเข้าไป เพราะนี่เป็นกลไกของธรรมชาติ

          ทารกยังสามารถตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวหรือเสียงดังจากภายนอกได้ กระดูกในหูของทารกเริ่มแข็งขึ้นและช่วยให้สามารถได้ยินเสียงต่างๆได้ดีขึ้น ทารกสามารถแยกเสียงที่เกิดขึ้นจากภายในมดลูกและจากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ ดังนั้น หากจะเริ่มพูดคุยกับลูกในตอนนี้ลูกก็จะสามารถจดจำเสียงของคุณได้ ว่าที่คุณพ่อก็ควรเริ่มพูดคุยกับลูกด้วยเช่นกัน มีรายงานการวิจัยว่าเสียงทุ้มต่ำของคุณพ่อจะช่วยให้ลูกได้ยินได้ง่ายกว่าเสียงแหลมสูงของแม่

          บางทีการที่คุณมีกิจกรรมมากในแต่ละวันอาจทำให้พลาดโอกาสดีๆไป ควรหาเวลาพักบ้าง คอยสังเกตการเคลื่อนไหวของทารกว่ากำลังทำอะไรอยู่ภายในนั้น บางทีคุณจะรู้สึกได้ว่าการเคลื่อนไหว หมุนตัว เตะ หรือชก เกิดจากอวัยวะใดของทารก ส่วนที่นูนขึ้นมาตรงหน้าท้องของคุณคือส่วนไหน อาจทำให้คุณสามารถจินตนาการถึงกิจกรรมต่างๆของทารกได้

           อัตราการเต้นของหัวใจของทารกในขณะที่จะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 140 – 150 ครั้ง/นาที และตอนนี้อวัยวะทั้งหมดยกเว้นปอดสามารถทำงานได้แล้ว

         หากเราได้ทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองของทารกเมื่ออายุครรภ์ 24 สัปดาห์นั้น เราจะพบว่าเซลล์สมองได้มีการพัฒนาส่วนที่รับรู้สติและทารกจะตอบสนองต่อสิ่งเร้าจากภายนอกมากขึ้น และได้มีการพัฒนาวงจรของการหลับและการตื่น

         ปอดของทารกตอนนี้ยังเต็มไปด้วยน้ำคร่ำ และยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาต่อไปอีกหลายสัปดาห์จนกว่าถุงลมปอดเล็กๆนั้นจะสามารถทำการแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้

         ระบบทางเดินอาหารมีการพัฒนาจนสามารถดูดซึมน้ำคร่ำได้และทำงานอย่างเป็นระบบ ทารกมีการกลืนน้ำคร่ำเข้าไปและขับถ่ายออกมาหมุนเวียนเป็นน้ำคร่ำใหม่

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทิพบอก….ลูกเริ่มดิ้น แล้วครับ

สัปดาห์ที่ 20 ของการตั้งครรภ์ ช่วงนี้ว่าที่คุณแม่เริ่มใส่ชุดคลุมท้องน่ารัก น่ารัก แบบสาว ๆ แล้ว กว่าจะฝ่าด่านได้แต่ละด่านของจิตใจของว่าที่คุณแม่ยากส์ เอาการเหมือนกันสืบเนื่องจากความตั้งใจของเธอจะใส่ชุดคลุมท้องตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว แต่ใส่แล้วมีคนแซว.....ความตั้งใจเลยหมดไป เราก็ให้กำลังใจตลอดแต่เราก็รู้ว่ามันยากส์นะเรื่องชนะจิตใจตัวเอง อย่างที่สุภาษิตบอก “จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว” ผ่านช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษาวันอาทิตย์ ที่ผ่านมาพาว่าที่คุณแม่ไปไหว้พระที่วัดหลวงพ่อโต มีผู้หลักผู้ใหญ่แนะนำมา ช่วงตั้งครรภ์ให้ทำบุญใส่บาตรบ่อยๆ อธิษฐาน ให้ลูกสุขภาพแข็งแรง เราสองคนก็พยายามทำเท่าที่โอกาสจะอำนวย อย่างให้เงินขอทานเราก็จะบอกลูกในครรภ์ด้วยว่าทำบุญ ไม่รู้ลูกจะทราบไหมแต่เราอยากให้ลูกเป็นคนที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่หวงของ สอนเรื่องการให้นะ
ช่วงนี้ว่าที่คุณแม่บอกว่าลูกดิ้นบ่อยขึ้นและจะดิ้นเป็นเวลา โดยจะสังเกตได้ช่วงหลักรับประทานอาหารเย็นแล้วนั่งพักผ่อน ...โดยเฉพาะเวลาที่มีการเปิดเพลงของ Beethoven ให้ลูกฟังในตอนเย็นก่อนนอน จะดิ้นเยอะเป็นความรู้สึกที่มีความสุขสำหรับว่าที่คุณแม่ครับ วันเสาร์นี้หมอ รพ.นวมินทร์ 9 นัดตรวจครรภ์ครั้งที่ 4
ผลเป็นอย่างไรจะแจ้งให้เพื่อนพ้องน้องพี่ที่ติดตามได้รับทราบครับ ปีนี้เพื่อน ที่เรียนมหาลัยขอนแก่นด้วยกันคลอดหลานรุ่นกัน 2 คนแล้วครับ ยินดีด้วยกับพี่เชาว์ได้ลูกสาว และ ลูกท่านผอ. นภ ได้ลูกสาวเหมือนกัน

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เพศสัมพันธ์ กับการตั้งครรภ์

บางคนอาจจะอายที่จะพูดถึงเรื่องนี้นะครับ ผมมีข้อมูลจาก คุณหมอท่านหนึ่ง ชื่อ นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์ บทความจาก E-Lib Online มาฝากครับ

แม้จะมีบทเรียนที่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ที่เรียกกันง่ายๆ ว่า "เพศศาสตร์ศึกษา" อยู่ในหลักสูตรการศึกษาในหลายๆ ระดับ แต่ก็ไม่ทำให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะวัยรุ่นมีความรู้ลึกซึ้งเพียงพอ เกี่ยวกับอวัยวะเพศของตนเอง ความรู้เรื่องอวัยวะเพศของเพศตรงข้าม ยิ่งกว่านั้นความรู้เรื่องการร่วมเพศ การคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ ยังไม่เพียงพอที่จะมีผลในเชิงปฏิบัติในชีวิตจริง จึงเกิดผลเสีย ต่อสังคมโดยรวมมากมายหลายประการ รวมไปถึงเรื่องของการ ขาดความสุขในครอบครัว เนื่องจากคู่สมรสหรือสามีภรรยาไม่สามารถ มีความสุขหรือหาความสุขในชีวิตคู่ระหว่างกันได้

จากการสัมภาษณ์สูติแพทย์อาวุโสท่านหนึ่งคือ นายแพทย์อุดมศักดิ์ ศรีแสนงาม เพื่อขอความรู้จากประสบการณ์ที่ปฏิบัติงานด้านสูตินรีแพทย์ มายาวนานว่า
"ความสำคัญของความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา มีมากน้อยเพียงใด"

นายแพทย์อุดมศักดิ์ ศรีแสนงาม ตอบทันทีว่า
มีความสำคัญมาก แม้แต่เรื่องเล็กๆ คือ "การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์" ที่หลายคนมองข้าม ก็อาจเป็นปัญหาได้

พร้อมยกตัวอย่าง ผู้ที่เคยมาขอคำปรึกษาโดยตั้งนามสมมติว่า เป็นคุณสิวิกา วัย 23 ปี ที่กำลังจะเป็นคุณแม่ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2000 ตอนนี้ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 20 สัปดาห์แล้ว 5 เดือนที่ผ่านมา เธอมีอาการแพ้ท้อง (MORNING SICKESS) ชนิดรุนแรงมาก ชาวตะวันตกส่วนมากจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มักจะเกิดขึ้นในเวลาเช้าๆ แต่สำหรับสาวชาวไทยปรากฏว่า ไม่จำกัดเวลา มักสำแดงอาการ "ฟ้องชาวบ้าน" ได้ตลอดวันไม่มีเลือกกาลเทศะ บางคนเป็นตลอดวัน วันละหลายๆ ครั้ง เช้า สาย บ่าย เย็น ไม่มีกำหนดแน่นอน โอ๊กๆ อ๊ากๆ คลื่นเหียนอาเจียนเป็นอาชีพเลย เห็นแล้วน่าสงสารมาก

นายแพทย์อุดมศักดิ์ ศรีแสนงาม เล่าต่อว่า เมื่อคุณสีวิกาตั้งครรภ์ ใกล้ครบ 6 เดือน ได้มาปรึกษาเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์ ควรจะต้องปฏิบัติอย่างไร เพราะตลอดเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา ที่คุณสีวิกาไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับสามีมาตลอด จนเธอเกรงไปว่า อาจจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอเองกับสามี เพราะถ้าปล่อยให้อยู่ในสภาพคล้าย "ปิดเทอม" อย่างนี้ต่อไป สามีอาจจะไปหาโรงเรียนใหม่ หรือบ้านใหม่แล้วหรือไม่

นายแพทย์อุมดศักดิ์ ศรีแสนงาม ยังได้เล่าถึง ความรู้สึกต้องการทางเพศของคุณสีวิกาเองว่า โดยความเป็นจริงแล้ว คุณสีวิกามีความรู้สึกต้องการมีเพศสัมพันธ์มากขึ้น แต่ก็วิตกกังวลว่า จะมีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่ และโดยเฉพาะในช่วงที่เธอ ่มีอาการแพ้ท้อง คุณสีวิภาก็มีไฟปรารถนาเช่นเดียวกัน ซึ่งโดยหลักสรีรวิทยาแล้ว การตั้งครรภ์ทำให้เกิดการคั่งเลือดของอวัยวะเพศ หมายถึง มีเลือดมาหล่อเลี้ยงเป็นจำนวนมาก ย่อมมีความต้องการทางเพศ เพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา การร่วมเพศในระหว่างตั้งครรภ์ จึงไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด เพียงแต่ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ต้องเข้าใจร่วมกันว่า การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้จะต้องปราศจาก ความรุนแรงโดยสิ้นเชิง

นายแพทย์อุดมศักดิ์ ศรีแสนงาม ให้ความรู้อันเป็นประโยชน์ แก่สตรีตั้งครรภ์โดยทั่วไปเพิ่มเติมอีกว่า การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ควรมีข้อพึงระมัดระวัง 7 ประการคือ

1. ควรงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ในสองช่วงเวลา ระยะที่หนึ่งคือ ช่วงเวลาระหว่างการตั้งครรภ์ได้ 1-3 เดือนแรก เพราะการปฏิสนธิกำลังเริ่มต้นก่อตัวและยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ การร่วมเพศในระยะนี้เป็นสิ่งที่ควรละเว้นเสีย เพื่อหลีกเลี่ยงการแท้ง
ระยะที่สองคือ หนึ่งเดือนก่อนครบกำหนดคลอดเพราะระยะนี้ ปากมดลูกอ่อนตัวมาก และมักเปิดได้บ้างเล็กน้อยในรายที่เคยมีบุตรแล้ว หากมีการร่วมเพศอาจไปกระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดจริงได้ เพราะฉะนั้น จึงควรงดการร่วมเพศเพียงถนอมสุขภาพมารดา และทารกในครรภ์

2. ควรระมัดระวังเรื่องความสะอาด เพราะอวัยวะเพศชาย มีเชื้อนานาชนิด อาจถูกปล่อยไว้ในช่องคลอดทำให้เกิดอันตรายได้ ภายหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ การป้องกันคือ การทำความสะอาดก่อน แต่ถ้ากลัวมากแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ส่วนการทำความสะอาดของฝ่ายหญิงไม่จำเป็นต้องสวนยา หรือสวนน้ำเข้าไปภายในช่องคลอดเพราะอาจเกิดอันตราย คือ การติดเชื้อโรคลุกลามเข้าไปสู่ทารกในครรภ์ได้ เพียงทำความสะอาด ภายนอกก็เพียงพอแล้ว

3. ในช่วงระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ฝ่ายชายสามารถลูบไล้หรือจับต้องฝ่ายหญิงได้ทั่วร่างกาย แต่ไม่ควรจับต้องอวัยวะเพศฝ่ายหญิง และการจับต้องลูบไล้นั้น ควรเป็นการสัมผัสโดยเบาๆ ด้วยมือเท่านั้น สำหรับสตรีที่มีหัวนมบอด ฝ่ายชายอาจกระตุ้นโดยการดูดหัวนทเบาๆ จะทำให้หัวนมยืดออกได้ เท่ากับเป็นการเตรียมหัวนมให้ลูกดูดได้ต่อไปด้วย และขอย้ำว่า การลูบการสัมผัส การดูดหัวนม ต้องทำด้วยความละมุนละไม ปราศจากความรุนแรงโดยสิ้นเชิง

4. ข้อควรระวังระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ก็คือ ฝ่ายชายจะต้องไม่ทิ้งน้ำหนักตัว กดทับลงบนหน้าท้องของภรรยา เพราะอาจจะเกิดการกระทบกระเทือนต่อมดลูกและทารกในครรภ์ได้ จะต้องใช้ความละมุนละไมโดยปราศจากความรุนแรงโดยสิ้นเชิงเช่นกัน และสูติแพทย์ประจำตัวของสตรีที่ตั้งครรภ์หลายท่านน่าจะสามารถ ให้คำแนะนำโดยละเอียดในท่วงท่าที่เหมาะสมในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ได้ ขอเพียงให้สามีและภรรยาที่ตั้งครรภ์มีความกล้าพอ ที่จะปรึกษาหารือในเรื่องนี้เท่านั้น

5. การมีเพศสัมพันธ์ควรมีกำหนดหรือข้อจำกัดอย่างไร คำตอบคือ ขณะตั้งครรภ์อายุ 3-6 เดือน ควรมีไม่เกินสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง พออายุครรภ์ได้ 5-8 เดือน ไม่ควรเกินเดือนละ 3 ครั้ง ต่อไปพออายุครรภ์ เดือนที่ 9 หรือเดือนสุดท้ายก่อนถึงกำหนดคลอด ไม่ควรเกิน 2 ครั้ง

6. ข้อกำหนดหรือข้อจำกัดดังกล่าวข้างต้นนั้น อาจไม่เพียงพอสำหรับความต้องการมีเพศสัมพันธ์สำหรับบางคู่สามีภรรยา ในกรณีเช่นนั้นสามีภรรยาน่าจะมีความเห็นใจ เข้าใจ และมีวิธีการ ที่จะช่วยเหลือปลดเปลื้องความต้องการเพศสัมพันธ์โดยวิธีอื่นๆ ซึ่ง นายแพทย์อุดมศักดิ์ ศรีแสนงาม ยินดีที่จะให้คำปรึกษาเป็นการส่วนตัว เพราะไม่บังควรที่จะบรรยายเรื่องรวมเหล่านี้ลงในบทความวิชาการ

7. ในช่วงหลังคลอดจะต้องทิ้งระยะเวลา ให้มดลูกมีการหดตัวเล็กลง หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "รอให้มดลูกเข้าอู่" (INVOLUTION) คือ มดลูกหดเล็ก เข้าสู่อุ้งเชิงกราน ซึ่งจะใช้เวลาในระยะแรก 14 วัน แต่ถ้าจะหมายถึงกลับเข้าสู่สภาพเดิมอย่างแท้จริงก็จะใช้เวลา นานถึง 6 สัปดาห์ ดังจะเห็นว่าหลังคลอด สภาพร่างกายของสตรี ยังอยู่ในภาวะอ่อนแอกว่าปกติ จึงไม่ควรถูกรบกวนให้กระทบกระเทือน จากการมีเพศสัมพันธ์ และเพื่อความปลอดภัยของภรรยา สามีที่ดีควรจะอดมนรอให้พ้นระยะเวลา 6 สัปดาห์ที่ว่านี้ไปก่อน จึงจะเริ่มมีเพศสัมพันธ์ได้ปลอดภัย การมีเพศสัมพันธ์ก่อนกำหนด อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพของมดลูกของฝ่ายหญิงได้ การมีเพศสัมพันะก่อนเวลาอันควรอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นได้ในภายหลัง

จะต้องไม่ลืมว่า ตามหลักการของ มาสเตอร์และจอห์นสัน ที่กล่าวไว้ว่า
"ถ้าคู่สมรสไม่สามารถทำความเข้าใจกันได้ในเรื่องเพศแล้ว เรื่องอื่นๆ ในชีวิตสมรสก็อาจจะทำความเข้าใจกันไม่ได้เช่นกัน"

ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาที่ดีจึงสำคัญมาก คือ สามีภรรยาควรมีทัศนคติที่ดีต่อกันตั้งใจร่วมกันที่จะปฏิบัติหน้าที่ สามีภรรยาและหน้าที่บิดามารดาให้สมบูรณ์ มีความตั้งใจ และต้องการให้มีความสุขในเรื่องเพศ สามารถปรับความเข้าใจ ในเรื่องความต้องการทางเพศ ไม่นำโรคภัยมาสู่คู่ของตน รับผิดชอบต่อบุตรเมื่อพร้อมที่จะมีรวมทั้งรู้การคุมกำเนิด และการวางแผนครอบครัวเพื่อพัฒนาครอบครัวให้เจริญต่อไป

ข้อแนะนำสำหรับว่าที่คุณพ่อคุณแม่

1. หาความรู้เพื่อเกิดความเข้าใจกระบวนการตั้งครรภ์ การคลอด การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และการดูแลสุขภาพของคุณแม่ กับลูกเกิดใหม่ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรจะเรียนรู้ด้วยกัน ปรึกษาหารือกัน และหากเป็นไปได้ก็ควรสมัครเข้ารับการฝึกอบรมเตรียมคลอด และการเลี้ยงดูลูก ซึ่งจะทำให้มีโอกาสฝึกซ้อม รู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง และซักถามสิ่งที่ข้องใจกับแพทย์พยาบาลหรือผู้รู้อื่นๆ ให้คลายกังวล และมั่นใจมากขึ้น

2. สำรวจข้อมูลเกี่ยวกับคุณหมอและสถานพยาบาล ที่จะเลือกไปฝากครรภ์และคลอด โดยคำนึงถึง
2.1 ความรู้ ความสามารถ ผลงานซึ่งรู้ได้จากผู้เคยได้รับการดูแล และวุฒิของคุณหมอ
2.2 ความเอาใจใส่ การให้การดูแลและความเต็มใจ ที่จะให้คำการปรึกษาแนะนำ ซึ่งจะรู้ได้จากประสบการณ์ การไปขอรับการตรวจ และหรือข้อมูลจากคนไข้เก่าของคุณหมอ
2.3 ความพร้อมของสถานพยาบาล ทั้งด้านบุคลากร เครื่องมือความสะอาดและความสะดวก ซึ่งเห็นได้ไม่ยาก เวลาไปเยี่ยมญาติหรือเพื่อนที่ไปคลอด และคำนึงถึงความสะดวก ในการเดินทางด้วย

3. หาข้อมูลและเตรียมเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งมักจะไม่สามารถกำหนด แน่นอนได้ เพราะการคลอดแต่ละครั้งอาจมีเหตุการณ์ หรือความจำเป็นต่างๆ ที่แตกต่างกัน

4. หลังจากตัดสินใจไปฝากครรภ์กับสูติแพทย์แล้ว ควรไปรับการตรวจและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ ควรรู้วิธีสังเกตอาการของตนเองและปรึกษาคุณหมอ เกี่ยวกับการฝึกหายใจ เตรียมคลอด เตรียมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ตลอดจนการนัดหมายเพื่อเข้าโรงพยาบาลเวลาเจ็บครรภ์คลอด

5. ควรปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการคลอด การใช้ยา โอกาสที่จะให้คุณพ่อ มีส่วนร่วมในกระบวนการคลอด และการดูแลลูกแรกเกิดด้วยตนเอง ให้มากที่สุด ตามความตกลงใจของคุณพ่อ คุณแม่ มิฉะนั้น คุณหมอคุณพยาบาลอาจมีความเข้าใจผิด คิดว่า คุณไม่ต้องการดูแลลูก เพราะเจ็บหรือเหนื่อยเกินไป จึง "ช่วย" ให้ยาระงับปวด ยาชา เพื่อลดความเจ็บปวดซึ่งมักทำให้ง่วง "ช่วย" พาลูกเกิดใหม่ไปเลี้ยงแทน ซึ่งเป็นความปรารถนาดีแต่อาจเป็นสิ่งที่คุณไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ได้ เพราะหลายท่านอาจจะต้องการหลีกเลี่ยงยาระงับปวด อาจต้องการพบลูกเร็วที่สุด และต้องการฝึกดูแลให้นมลูกอย่างถูกวิธีตั้งแต่แรก ในเรื่องเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถเรียนคุณหมอคุณพยาบาลได้ เพื่อให้ประสบการณ์คลอดบุตรมีแต่สิ่งที่น่ายินดี และเป็นการวางรากฐานที่ดี ของชีวิตสำหรับสมาชิกครอบครัวคนใหม่ "ลูกคนแรก"

บทความ จาก http://www.elib-online.com หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เพลงไทย ค้างคาวกินกล้วย

คุณแม่ฟัง ลูกน้อยในครรภ์ตื่นตัวดี ครับ

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Moonlight Sonata

'ดนตรี' ทำให้ลูกคุณฉลาดได้จริงหรือ?





...ที่ว่ากันว่าให้ลูกฟังเพลงตั้งแต่อยู่ในท้อง ทำให้ลูกฉลาดขึ้นเรื่องจริงเป็นอย่างไร? กับทฤษฎี 'โมสาร์ท เอฟเฟค' ได้ผลแค่ไหน? ลองมาฟังคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ

เรื่องของดนตรีกับการพัฒนาสติปัญญาและความสามารถของทารกและเด็ก ดูจะได้รับการกล่าวถึงมาหลายครั้งแล้ว แม้แต่ทารกในครรภ์มารดาผู้เชี่ยวชาญเองก็ยอมรับว่าการให้ดนตรีตั้งแต่อยู่ในท้องจะช่วยเรื่องของพัฒนาการได้มาก



'มติชนออนไลน์' จึงได้ไปสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ นักวิชาการการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย และผู้เขียนหนังสือ 99 วิธีบอกรักลูก และ ดร.แพง ชินพงศ์ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จบปริญญาเอกจากสหรัฐ ด้านดนตรีศึกษา สองนักวิชาการที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องเด็กและดนตรี โดยล่าสุดทางกระทรวงศึกษาธิการ นำเพลงที่อาจารย์ทั้งสองท่านแต่ง ได้แก่ เพลงตึ๊ด..ตี๊ด.. ไปศึกษากับทารกว่ามีส่วนช่วยในเรื่องของพัฒนาการต่างๆ หรือไม่



ดร.สุพาพร กล่าวว่า ดนตรีสามารถให้ทารกฟังได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง เริ่มได้ตอนอายุครรภ์ประมาณ 5 เดือนก็สามารถเปิดเพลงให้ลูกฟังได้แล้ว โดยเพลงที่ควรจะเปิดนั้นจะต้องเป็นเพลงเบาๆ ฟังแล้วผ่อนคลาย เนื่องจากว่าขณะที่ตั้งครรภ์นั้นคุณแม่อาจจะรู้สึกเครียด ทั้งจากการทำงาน ปัญหาภายในบ้าน หรือความกังวลในเรื่องลูก เพลงจะช่วยไม่ให้เกิดความเครียด นอกจากนี้ หากฟังแล้วรู้สึกดี มีความสุข ก็จะช่วยให้หลั่งสารความสุขที่เรียกว่า เอ็นโดฟีน ออกมาด้วย จะส่งผลให้ทารกเป็นเด็กอารมณ์ดี เลี้ยงง่าย อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ยังไม่มีผลงานวิจัยชิ้นใดออกมายืนยันได้ชัด แต่สิ่งที่ดีคือการทำให้แม่ท้องรู้สึกมีความสุขนั้นเป็นจุดสำคัญมากกว่า



ดร.แพง กล่าวเสริมว่า แต่มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่า เด็กที่อายุครรภ์ 5 เดือนได้ฟังเพลงตั้งแต่อยู่ในท้อง เมื่อคลอดออกมาดูโลกแล้ว ในการศึกษาพบว่าทารกสามารถจดจำเพลงนั้นๆ ที่เคยฟังตั้งแต่อยู่ในท้องได้ หรือแม้แต่เวลาที่คุณพ่อ คุณแม่คุยกับเขาตอนที่อยู่ในท้อง ก็พบว่าเด็กจะหันตามเสียงเรียกนั้นๆ ดนตรีก็เช่นกันเด็กจะมีปฏิกริยาจดจำเพลงที่เคยได้ยินทันที แม้ว่าดนตรีจะตอบสนองต่อการจดจำของทารกและเด็ก แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยออกมายืนยันว่าจะทำให้เด็กฉลาดกว่าเด็กคนอื่นที่ไม่ได้ฟัง เพียงแต่ว่าอาจจะช่วยในเรื่องของการพัฒนาความพร้อมต่างๆ ได้เร็วกว่าเด็กคนอื่นเท่านั้น



ดร.แพง ยังกล่าวถึง 'K448' ซิมโฟนีเลื่องชื่อของ 'โมสาร์ท' ที่ว่ากันว่าทำให้เด็กปราดเปรื่อง ตามทฤษี 'โมสาร์ท เอฟเฟค' ว่า เรื่องนี้ตัวเจ้าของทฤษฎี ดร.ฟรานซิส เราส์เชอร์ เองก็ออกมาแก้ข่าวแล้วว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพียงแต่สื่อเอาไปพาดหัวตีความเอง ความจริงแล้ว ในการศึกษาดร.ฟรานซิส ให้นักศึกษากลุ่มหนึ่งฟังเพลงของโมสาร์ท เพื่อวัดระดับสติปัญญาของนักศึกษากลุ่มนี้ และก็พบว่าเพลงเปียโน โซนาต้า ในกุญแจดีเมเจอร์ K448 ทำให้ระดับความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ของกลุ่มทดลองเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จนเรียกงานวิจัยของตนเองว่า 'โมสาร์ท เอฟเฟค' และยังไม่ได้ทำการทดลองกับเพลงอื่นๆ ดูว่าแตกต่างกันหรือไม่ รวมทั้งกลุ่มตัวอย่างอื่นๆ ด้วย จึงยังสรุปไม่ได้ว่าทำให้คนเราฉลาดขึ้นจริง



'จึงไม่ได้หมายความว่า เราต้องฟังแต่เพลงของโมสาร์ท หรือฟัง 'K448' เท่านั้น เพลงไทยเดิมของเราก็สามารถฟังได้ และเพิ่มระดับสมาธิให้เราได้ เช่น เพลงค้างคาวกินกล้วย ซึ่งล่าสุดทางกระทรวงศึกษาธิการได้นำเพลงนี้ไปทดสองดูกับเด็กนักเรียนว่าจะส่งผลต่อพัฒนาการและระดับสติปัญญาหรือไม่ หรือเพลงอย่าง อัศวลีลา หรือที่เรารู้จักกันทั่วไปคือ เพลงแก้วหน้าม้า ก็เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองที่ไพเราะ และมีความซับซ้อนของเสียง ซึ่งคล้ายกับ 'K448' อย่างมาก และหากฟังให้ดีจะพบว่า 'K448' ก็คล้ายกับการตีระนาดทุ้ม และระนาดเอกควบคู่กันไป' ดร.แพง กล่าว



ส่วนในการบำบัดเด็กพิเศษนั้น ดร.แพง แนะนำว่า เราเคยศึกษากับเด็กดาวน์ซินโดรมพบว่า การให้ฟังดนตรีจะช่วยเพิ่มสมาธิ และพัฒนาการได้มากขึ้น แม้ในช่วงแรกจะนับว่าช้าอยู่ แต่เมื่อฝึกบ่อยเขาก็จะสามารถฮัมเพลงนั้นๆ ได้ รวมไปถึงเด็กออทิสติก พบว่าดนตรีช่วยเพิ่มสมาธิและความสามารถได้อย่างยอดเยี่ยม เด็กออทิสติกบางคนเพียงแค่ได้ยินเสียง ก็สามารถกดคีย์โน้ตเพลงตามได้แล้ว ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นเราพบว่า 90% สามารถเล่นเพลงยากๆ ที่เด็กปกติเล่นไม่ได้อีกด้วย ที่สำคัญคือดนตรียังช่วยในการเข้าสังคมให้กับเด็กพิเศษเหล่านี้



สุดท้ายนี้ สิ่งที่ดร.สุพาพร อยากจะกล่าวเสริมคือ ดนตรีมีความสำคัญมาก เป็นเสมือนทางลัด หรือทางด่วนของการเรียนรู้ ซึ่งสอดแทรกสาระ และวิชาการลงไป เช่น วิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ที่สำคัญคือควรใช้ดนตรีในการส่งเสริมคุณธรรมด้วย เพราะดนตรีตอบสนองธรรมชาติของเด็กได้อย่างดี



ขณะที่ ดร.แพง กล่าวว่า นอกจากดนตรีจะช่วยเด็กและเยาวชนแล้ว อยากให้มีการนำดนตรีมาช่วยบำบัดสังคมด้วย เช่น ช่วยเหลือชุมชน ดึงเยาาวชนให้เล่นดนตรีแทนการติดการพนันหรือยาเสพติด ช่วยบำบัดคนแก่ หรือคนป่วย เพราะเชื่อว่าดนตรีให้อะไรมากกว่าที่เราคิด



ข้อมูลข่าวโดยมติชนรายวันออนไลน์ วันที่ 8 เมษายน 2551

ข้อมูลจาก http://www.dmh.go.th/sty_libnews/news/view.asp?id=9074

นับการตั้งครรภ์ของว่าที่คุณแม่ของผม สัปดาห์ที่ 19 แล้วครับ

    ใกล้ถึงครึ่งทางแล้วครับ สำหรับสัปดาห์ที่ 20 ของการตั้งครรภ์   ในเดือนกรกฎาคม หมอนัดตรวจครรภ์ในวันที่  31  ก.ค.  53   ครั้งนี้น่าจะทราบเพศของทารกได้ครับ  สัปดาห์ที่ 19  นี้ ว่าที่คุณแม่ของลูกทานได้เพิ่มขึ้น ชั่งน้ำหนัก น่ำหนักเพิ่มขึ้น 3.5  กก. เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คุณหมอให้ว่าที่คุณแม่ เพิ่ม นน. สัปดาห์ละ  ครึ่ง กิโลกรัม ครับ แต่สำหรับผมตอนนี้จะ 80   กิโลกรัมอยู่แล้วครับ  น้ำหนัก ขึ้นไม่ยั้งตั้งแต่แฟนตั้งครรภ์มา จนโดนแซวสงสัยจะแพ้ท้องแทนเมีย   สังเกตอาการของผมที่ไม่เคยเกิดขึ้น และมีอาการช่วงที่ทิพย์ท้องคือ  น้ำลายออกเยอะในบางช่วง  พอน้ำลายออกมาเยอะต้องหาอะไรทาน ถ้าไม่ทานจะเกิดอาการปั่นป่วนในท้อง  แต่ยังไม่ถึงขั้นอ้วกครับ .....เอ มันเกิดอะไรขึ้น     สำหรับว่าที่คุณแม่แล้วช่วงนี้มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นเยอะครับ ตามตำราบอกไว้ดังนี้ 

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายคุณแม่


ร่างกายของคุณแม่ขณะนี้จะขยายใหญ่ขึ้น ไม่เพียงแต่หน้าท้องเท่านั้น แต่ต้นขาและน่องก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย ช่วงนี้ต้องทาครีมป้องกันท้องและส่วนที่ขยายจะลายครับ( แนะนำครีม ดีไลท์ จากร้านสมุนไพรทิพย์ครับ )   ตอนนี้ส่วนยอดของมดลูกจะอยู่ที่บริเวณสะดือ หากลองวางนิ้วลงไปบริเวณนั้นบางทีคุณแม่อาจจะรู้สึกได้ มดลูกจะมีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆและมีขนาดโตขึ้นสัปดาห์ละประมาณ 1 เซนติเมตร สีผิวบริเวณกึ่งกลางของท้องจะเข้มมากขึ้น และคุณแม่อาจพบว่ามีสีผิวเข้มขึ้นเป็นบางจุดบนใบหน้าด้วย คุณแม่จะมีเหงื่อออกมากในช่วงนี้เนื่องจาก อัตราการเผาผลาญพลังงานที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดความร้อน

เต้านมยังคงขยายใหญ่ขึ้นไปอีก และสีผิวบริเวณหัวนมจะเข้มขึ้น คุณแม่จะมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นอย่างน้อย 6 ปอนด์แล้วในตอนนี้

เมื่อคุณแม่นอนลงหรือนั่งพัก ในท้องของคุณไม่หยุดพักตามไปด้วย เมื่อทารกมีการเคลื่อนไหวและพัฒนากล้ามเนื้อต่างๆ ในช่วงเย็นๆคุณแม่จะพบว่าเป็นช่วงที่ทารกมักมีการเคลื่อนไหวมากที่สุด

คุณอาจจะยังคงมีอาการท้องผูกเช่นเดิม อาจมีอาการแสบลิ้นปี่และอาการที่เกิดจากอาหารไม่ย่อย เช่น ท้องอืด เรอ มีแก๊สในกระเพาะอาหารมากผิดปกติ

คุณแม่ยังคงต้องเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะบ่อยๆ (คุณแม่จะปัสสาวะถี่ขึ้นอีกครั้งเมื่อถึงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ เนื่องจากขนาดของมดลูกที่โตขึ้นจะทำให้ไปกดกระเพาะปัสสาวะ)

คุณแม่อาจวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อาการอ่อนเพลีย กังวล หรือแม้แต่ความหิวก็อาจเป็นสาเหตุ หากคุณแม่มีอาการปวดศีรษะรุนแรงแบบไมเกรน ควรปรึกษาแพทย์ อย่าใช้ยาเองโดยเฉพาะแอสไพริน

คุณแม่อาจจะรู้สึกคัดจมูกและมีน้ำมูก เหมือนกับเป็นภูมิแพ้นอกฤดูกาล

คุณแม่จะรู้สึกหิวมากขึ้น และค้นหาของกินอยู่ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทิพย์ตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 18 แล้วครับ

    สัปดาห์ที่ 18 ของการตั้งครรภ์ จากการสังเกตอาการของว่าที่คุณแม่ของลูก อาการแพ้ท้องน่าจะหายแล้วครับ ช่วงนี้เป็นอาการอยากรับประทานครับ ( ดีใจที่เธอเริ่มทานได้ ) เมื่อวานกลับจากวังน้อยมาสวนสยาม เดินผ่านร้านอาหารอีสาน ว่าที่คุณแม่อยากกินลาบเป็ด  สั่งซื้อร้านตรงข้าม รพ.นพรัตน์ ให้ด้วยสำเนียงภาษาทางบ้านผมเอง กะว่าอยากได้แบบต้นตำรับ  ระหว่างนั่งรอลาบเป็ดสังเกตท้องว่าที่คุณแม่สัปดาห์นี้เริ่มโตขึ้นเยอะครับ  อาจเป็นสาเหตุที่ว่าที่คุณแม่เริ่มทานได้เพราะลูกโตขึ้นทุกวัน อาหารมือเย็นเมื่อวานผมพยายามออกแบบให้ครบตามหลัก 5 หมู่ แบบไทย ๆ  ประกอบไปด้วย
            - น้ำพริกแมงดา  + ผักสด แตงกวา  มะเขือ
             -แกงเห็ดรวม 3 อย่าง เห็ดนางฟ้า  เห็ดฟาง  เห็ดหูหนู
            - หอยแครงลวก 
            - ผัดเผ็ด หมูสะตอ อาหารใต้
            - ลาบเป็ด
            - ข้าวสวย  ดูกับข้าวแล้วน่าจะเป็นข้าวเหนียวนะ
เมื่อวานว่าที่คุณแม่ของลูก อิ่มแปล้ครับ .....กินได้อย่างนี้ค่อยใจชื้นหน่อยนะ

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วันแรกของสัปดาห์งานยุ่งนะ .... และเป็นวันแรกที่ทิพย์เริ่มตั้งครรภ์เข้าสู่เดือนที่ 5

          เมื่อวันที่ 3  ก.ค. 53  ผมได้พาทิพย์ไปตรวจการตั้งครรภ์ที่ รพ.นวมินทร์ เราสองคนมองเห็นลูกผ่านจออัลต้าซาวว์  มองเห็นหัวใจชัดเจน เห็นเป็นรูปร่างที่ชัดเจน แล้วเราสองคนก็ถามถึงเพศทารก คุณหมอยังไม่สามารถฟันธง ได้ครับ บอกว่าต้องประมาณ 20 สัปดาห์ครึ่งทางสำหรับการตั้งครรภ์ถึงจุทราบเพศของทารก  สำหรับเพื่อน Leonics  พี่ปาน  อ้อม พี่เมต  และน้องเปิล ระหว่างนี้ยังทายผลได้ครับ  หมอนัดอีกครั้ง  31  กรกฎาคม  2553  ครับ   ขอบคุณอ้อมส่งรูปเด็กน่ารัก ๆ มาให้  ทิพย์เขาชอบดูครับ

         สำหรับการปฏิบัติตัวของว่าที่คุณแม่ การตั้งครรภ์เข้าสู่ เดือนที่ 5  ตามตำราต้องปฎิบัติตัวดังนี้ครับ
คุณแม่อาจรู้สึกเจ็บแปลบที่บริเวณท้องด้านล่าง เป็นอาการที่ปกติเนื่องจากเมื่อมดลูกขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วกล้ามเนื้อที่ยึดมดลูกเอาไว้ก็จะต้องรับน้ำหนักมากขึ้น และถูกดึงรั้งมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเมื่อคุณแม่หมุนตัวหรือเคลื่อนไหวเร็วๆ กล้ามเนื้อที่ตึงอยู่นี้ก็จะถูกดึงให้ยืดออกอีกโดยเร็วทำให้รู้สึกเจ็บแปลบๆได้ หากคุณแม่รู้สึกเจ็บพยายามงอตัวไปด้านที่รู้สึกเจ็บก็จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น


อาการปวดหลังเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น อาจเกิดจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นที่บริเวณท้อง ทำให้กล้ามเนื้อต้องรับน้ำหนักมากขึ้น หรือท่าเดิน ยืน นั่ง ที่ไม่ถูกต้อง หรืออาจเกิดจากการที่กระดูกสันหลังส่วนล่างโก่งงอออกเพื่อรองรับการขยายตัวของมดลูก กระดูกสันหลังจะบิดตัวเองซึ่งเป็นสาเหตุให้คุณแม่รู้สึกปวดหลังได้

เล็บมือและเล็บเท้าของคุณแม่จะอ่อนและเปราะมากขึ้น เนื่องมาจากการเพิ่มมากขึ้นของฮอร์โมน ดังนั้นในระหว่างการตั้งครรภ์คุณแม่จำเป็นที่จะต้องมีการดูแลเล็บให้ดีกว่าปกติ

เส้นผมของคุณแม่ก็จะมีความมันมากยิ่งขึ้น บางทีคุณแม่อาจรู้สึกได้ว่าผมหนามากขึ้นแต่ไม่ได้เป็นเพราะมีการผลิตเส้นผมใหม่มากขึ้น สาเหตุเพราะว่าฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงทำให้ผมร่วงน้อยลง คุณจึงจำเป็นต้องดูแลเส้นผมให้มากขึ้น ต้องสระผมให้บ่อยขึ้น เวลาใช้ครีมนวดผม conditioner หรือ treatment ต่างๆ ควรใส่เฉพาะบริเวณปลายผมเท่านั้น

ผิวหนังของคุณแม่ก็จะผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นด้วยเช่นกัน ผิวหน้าจะมันมากขึ้น เกิดจากการที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนมากขึ้นนั่นเอง การที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงจะไปกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดฝ้าขึ้นได้ ในผู้หญิงที่มีสีผิวเข้มอยู่แล้วจะพบเป็นรอยจางๆ แต่หากมีผิวสีขาวก็จะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น แต่มันก็จะจางหายไปหลังจากการคลอด ดังนั้น อย่าไปกังวลกับมันมากนัก เวลาออกนอกบ้านเพียงแต่ใช้ครีมกันแดด และกางร่มก็จะช่วยให้เกิดฝ้าน้อยลง เพราะแสงแดดก็จะเป็นสิ่งที่ไปกระตุ้นการผลิตเม็ดสีให้เพิ่มมากขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

เมื่อทารกมีการเคลื่อนไหวคุณแม่ก็มักจะรู้สึกได้ แต่บางครั้งที่กำลังยุ่งอาจไม่ทันได้สังเกตการเคลื่อนไหวที่เบาๆนั้น แต่เมื่ออายุครรภ์ได้ 24 – 32 สัปดาห์ การเคลื่อนไหวของทารกมักจะชัดเจน แพทย์จะแนะนำให้คุณแม่นับจำนวนครั้งที่ทารกมีการเคลื่อนไหวในแต่ละวัน คุณแม่อาจจะนับได้มากกว่าสิบครั้งต่อวันก็ถือว่าใช้ได้แล้ว หากคุณสังเกตว่าทารกดิ้นน้อยลงมาก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจอัลตร้าซาวด์เพื่อให้เห็นว่าทารกมีการเคลื่อนไหวดีเป็นปกติ

คุณแม่บางท่านอาจพบกับปัญหาของการนอนไม่หลับ ซึ่งอาจทำให้หงุดหงิด การนอนไม่หลับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆระหว่างการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุและมีวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกันไป

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เช้าวันนี้ คุณหมอนัดทิพย์ตรวจครรภ์ ครั้งที่ 4

        นับถึงวันนี้ อายุครรภ์ของว่าที่คุณแม่คนใหม่ของผม ครบ 4 เดือนพอดี หมอนัดตรวจเมื่อเช้านี้เอง 8.00-9.00 น. ( 3 ก.ค. 53 ) วันนี้ว่าที่คุณแม่ของลูกผม สดใส ตื่นนอนแต่เช้าก่อน พลขับ อาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมไปพบคุณหมอ อาการแพ้ท้องหายเป็นปลิดทิ้งครับ ไม่มีอาการเหมือนช่วง เดือนที่ 1 , 2 และ 3  เราไปถึง  รพ.นวมินทร์ก่อน แปดโมงเช้า รอที่โถงก่อนขึ้นไปแผนกสูตินารีเวช ตอน8.00 น. วันนี้มีว่าที่คุณแม่หลายคน มารอ แต่ละคนท้องโตกันทั้งนั้นครับ  ทำให้เมียผมต้องนอยส์ นิดหนึ่ง เพราะท้องไม่ค่อยโตเท่าไหร่ ตอนพบหมอ หมอก็ไม่ได้ทักอะไรที่ผิดปกติ  ในเรื่องของน้ำหนักของคุณแม่หมอแนะนำให้ทำน้ำหนักสัปดาห์ละ ครึ่ง กิโล หลังจาก 4 เดือนไป และหมอได้แนะนำเรื่องดื่มนม หมอแนะนำให้ดื่มนมจืด ถ้าทานนมหวาน นน.คุณแม่จะเพิ่มขึ้นเยอะมาก  อาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ก็ได้ที่ นน.ทิพย์ไม่เพิ่มขึ้นเพราะเราให้เขาทานนมจืด มาตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์และทานมาเรื่อย  น้ำหนักเธอเลยไม่เพิ่มขึ้นมาก แต่ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วนแน่นอน ครับ ไม่ให้เสียชื่อว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ ที่ร่ำเรียนมาทาง สาธารณสุขศาสตร์ ทั้งสองคน

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทิพย์ตั้งครรภ์เข้าสัปดาห์ที่ 16

       วันจันทร์ที่ 28  มิ.ย. 53  อายุครรภ์ของทิพย์เริ่มเข้าสู่สัปดาห์ที่ 16 แล้วครับ 4 เดือนแล้ว ใกล้ถึงครึ่งทางของว่าที่คุณแม่  ผมเริ่มสังเกตเห็นว่า เธอเริ่มจะไม่แพ้แล้ว สังเกตจากอาหารการกินที่ทานได้มากขึ้นครับ  เดินทางไกลไม่มีอาการ เดินทางด้วยรถตู้จากวังน้อยมาถึงที่พักเธอบอกว่าสบายมาก  และเมื่อวานพาว่าที่คุณแม่ออกตลาดอีกแล้วครับ  ทุกอย่างปกติไม่มีอาการวิงเวียน  แต่ทานได้ทุก ชั่วโมง  เริ่มจากมือเช้า  ก๋วยเตียวหมู ทานหลังตักบาตรตอนเช้า   จัดร้านเสร็จ แอปเปิ้ลแดง 1 ลูก   อีกประมาณ  1 ชั่วโมงถัดมา   มันฝรั่งทอดเกลือ  เค็มนิด ๆ   และก็ตามด้วย  พายซ๊อคสติ๊ก  และพาย สัปปะรด อีกชิ้น
ก่อนบายสาม กินไก่ทอดข้าวเหนียว ซื้อตั้งแต่ตอนเช้า  เก็บร้าน ไปทำธุรกรรมที่ แฟชั่นต่อ เข้าบ้านตอน 4 โมงครึ่ง .....ช่วงนี้ท้องยังไม่โตเท่าไหร่ ต้องทำตามสัญญาแล้วละครับ พาว่าที่คุณแม่ไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย .....ละครับ
        

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ในเดือนที่ 4 นี้ความแข็งแรงในการเคลื่อนไหวร่างกายของทารกมีมากขึ้น

               ในเดือนที่ 4 นี้     ความแข็งแรงในการเคลื่อนไหวร่างกายของทารกมีมากขึ้นตามการพัฒนาของระบบประสาท ทารกจะเริ่มสร้างเนื้อเยื่อชั้นไขมันที่มีชื่อเรียกว่า Myelin ขึ้นมาเคลือบเส้นประสาทที่เชื่อมโยงระหว่างกล้ามเนื้อและสมองซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมาก เนื่องจากเมื่อมีการสร้างระบบประสาทเสร็จสมบูรณ์ การรับส่งข้อมูลจากกล้ามเนื้อสู่สมองและจากสมองสู่กล้ามเนื้อก็จะสามารถทำงานได้สมบูรณ์ นั่นหมายถึงมีการเคลื่อนไหวได้อย่างประสานสัมพันธ์กัน ทารกจะมีการหลับ การตื่น มีการเคลื่อนไหว ยืดและงอแขนขาได้ เตะหรือตีลังกาก็ได้ ทารกจะเริ่มดูดนิ้วหัวแม่มือ กำมือและแบมือ แต่นี่เป็นเพียงการซ้อมการเคลื่อนไหวร่างกายเท่านั้น การเคลื่อนไหวให้สัมพันธ์กันนั้นยังต้องฝึกอีกมากหลังจากการคลอด

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อาการแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ในเดือนที่ 4 .....แสบลิ้นปี่

         ผมได้ยินทิพย์บ่นหลายครั้งเกี่ยวกับอาการแสบ คล้ายเป็นโรคกระเพาะหลังจากทานอาหารอิ่ม  หลังจากค้นคว้าหาข้อมูล มันเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้เนื่องจากเนื่องจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหาร ซึ่งอาจทำให้แสบบริเวณลิ้นปี่ได้ เนื่องจากมดลูกที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจะขึ้นไปดันกระเพาะอาหาร และเจ้าฮอร์โมน โปรเจสเตอโรนที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างตั้งครรภ์  จะทำให้กล้ามเนื้อของหลอดอาหารขยายตัว  จึงมีกรดและน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นไปได้
         วิธีการที่เราจะทำให้อาการเหล่านี้หมดไป  ว่าที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงอาหารทอด  อาหารที่มีไขมันสุง  ไม่รับประทานอาหารมากเกินไป ควรแบ่งมื้ออาหารออกเป็น มื้อย่อย ๆ  ดื่มน้ำมาก ๆจะลดความเป็นกรดของกระเพาะอาหาร  และก่อนเข้านอนว่าที่คุณแม่มือใหม่ไม่ควรรับประทานอาหารนะครับ  การนอนในท่าศรีษะสูงช่วยได้ หรือปรึกษาแพทย์เรื่องยาลดกรดในกระเพาะอาหารครับ

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ว่าที่คุณแม่ของลูกอารมณ์ดี

         เมื่อวานผลสอบ มสธ. ออกปรากฎว่า ทิพย์สอบผ่านทั้งสามชุดวิชา  หลังจากที่เกิดความเครียดกลัวสอบไม่ผ่านอยู่นานหลายเดือนหลังสอบ  ลืมบอกไปครับ ว่าที่คุณแม่เธอเรียน หลักสูตร ปริญญาตรี วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิชาเอกอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 2 ปี ของมสธ . ถ้าว่าที่คุณแม่ประสบความสำเร็จกับปริญญาใบนี้ก็จะเป็น ปริญญาใบที่ 3  ครับ  ป.ตรี  2 ใบ ป.โท  1 ใบ ขยันเข้าไว้นะครับแบบอย่างที่ดีกับลูกในอนาคต  ....ยินดีด้วยครับ ที่รัก 

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 

สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สามีแพ้ท้องแทนภรรยาได้

                มีความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณว่าถ้าคู่สามีภรรยาคู่ไหนที่รักและผูกพันกันมากๆ เมื่อภรรยาตั้งครรภ์สามีก็จะแพ้ท้องแทนภรรยา ซึ่งความเชื่อนี้เป็นความจริงหรือเป็นเพียงเรื่องที่คุยกันสนุกๆ


                นายแพทย์จิรัตน์ ตั้งฐิตวงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานสูตินารีเวชกรรม โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพศูนย์อนามัยที่ 1 กรมอนามัย อธิบายว่าจากความเชื่อที่ว่าสามีสามารถแพ้ท้องแทนภรรยาได้นั้นไม่เป็นความจริง แต่เป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า โดยเฉพาะในคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานานแล้ว แต่ยังไม่มีบุตรหรือมีบุตรยาก หรือในรายที่ไม่เคยมีบุตรเลย เมื่อประจำเดือนมาไม่ตรงตามกำหนด โดยประจำเดือนอาจจะคลาดเคลื่อนออกไป ก็นึกว่าตนเองตั้งครรภ์ และจะเลียนแบบการตั้งครรภ์ คิดว่าเมื่อประจำเดือนไม่มาตนเองน่าจะตั้งครรภ์ น่าจะมีอาการแพ้เหมือนคนอื่นๆ เช่น เหมือนเพื่อน เหมือนพี่ เหมือนน้อง หรือเพื่อนบ้านที่กำลังตั้งครรภ์ ทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมาเมื่อสามีรู้ว่าตนเองกำลังแพ้ท้อง เมื่อภรรยาเห็นแล้วก็จะรู้สึกด๊ อาจจะมีอาการแพ้น้อยลง ซึ่งอาจจะเป็นการช่วย ทางด้านจิตใจมากกว่า เพราะในคนที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ก็จะไม่มีฮอร์โมนแปลกปลอมขึ้นมาไม่น่าจะแพ้ท้องได้


TIPS

               ไม่มีอะไรแก้อาการแพ้ท้องในตอนเช้าได้ดีเท่าชาขิงสักถ้อย ขิงใช้แก้อาการเมารถ เมาเรือได้ เช่นกัน คุณอาจใช้ชาขิงสำเร็จรูปแบบถุงซึ่งหาซื้อได้ตามร้านสินค้าเพื่อสุขภาพและซูเปอร์มาร์เกด หรือ ใช้ขิงสดขูด 1.2 ช้อนชาใส่ในน้ำร้อนจัด 1 ถ้วย แช่ไว้ 5 นาทีแล้วกรองกากออกก่อนดื่ม

จาก ttp://knowledgesharing.thaiportal.net/

คิดฮอด....แฮง ๆๆๆๆ

         เช้าวันนี้เป็นวันจันทร์ที่ดูแปลก ๆ ครับ เพราะลาป่วยมาเป็นสัปดาห์ ก็เลยยังไม่เข้าที่  วันนี้ตื่นเช้ากันครับไปส่งทิพย์ที่วังน้อย ....ดูท่าทางว่าที่คุณแม่อิดออดนิดหน่อยวันนี้คงยังไม่ชินเพราะเริ่มต้นสัปดาห์ สัปดาห์นี้ย่างเข้าสัปดาห์ที่ 14 ของการตั้งครรภ์ สงสารเขาครับกินอะไรไม่ค่อยจะได้ กินน้อย เพราะกินลงไปก็ทำท่าจะอาเจียนออกมาซะอย่างนั้น  เมื่อคืนถือโอกาสชวนว่าที่คุณแม่ไปทาน ต้มแซบส์  และน้ำตก เห็นชดน้ำได้ ก็ ค่อยยังชั่วหน่อย  จากการสังเกตอาหารที่ทานลงไปแล้วไม่ค่อยจะอาเจียน  เป็นอาหารประเภท อีสานแท้ ๆ  ไม่มีมัน  น้ำพริกประมาณนี้ครับ  

--
Best Regards

Arnat  Khamsom
*********************
http://www.thipherbs.com/
สมุนไพรทิพย์ สมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม

http://thipherbs.blogspot.com/
ข่าวสาร บทความ สมุนไพร และอื่น ๆ

http://art2518.blogspot.com/
ข่าวสาร  ความรู้  วาไรตี้  ส่วนตัว

http://arnat-safetyfirst1.blogspot.com/
ข่าวสาร งานในหน้าที่ จป.วิชาชีพ แสดงความคิดเห็น

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อาหารสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 1-3 เดือน

ว่าที่คุณแม่คนไหนที่สามารถบำรุงหรือทานอาหารได้ช่วง 1 -3 เดือนถือว่าดีมากครับ แต่สำหรับภรรยาผม ช่วงเดือนแรก และเดือนที่ 2 เธอทานได้ตามปกติ หลังจากการตั้งครรภ์เริ่มเข้าสัปดาห์ที่ 9 เธอเริ่มจะมีอาการแพ้ท้อง เราก็อยากให้เธอทานเยอะ ๆ นะแต่เธอบอกว่าไม่ไหว ยิ่งวันไหนที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันอาการแพ้ท้องเธอจะเยอะอาจจะเป็นเพราะความกังวล ความเครียดจากงาน ยิ่งช่วงนี้ตัวผมเองก็ไม่สบายอยู่ด้วย แต่เราก็จะผ่านไปได้เป็นกำลังใจซึ่งกันและกันครับ สำหรับทิพย์แล้วเธอโชคดีที่เริ่มทานนมจืดตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์และก็ทานมาเรื่อย ๆ จนทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ย่างเข้าเดือนที่ 2 ตอนที่เราไปฝากครรภ์ที่ รพ.นวมินทร์ 9 คุณหมอก็ให้โฟลิคแบบเม็ดมาให้ทานหลังอาหารเช้า ทานวันละ 1 เม็ด และหมอก็แนะนำให้ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในแต่มื้ออาหาร สำหรับโฟลิคแอชิค มีความจำเป็นต่อหญิงตั้งครรภ์อย่างไรตามตำรากล่าวไว้ว่า
กรดโฟลิคมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะเยื่อหุ้มไขสันหลังปิดไม่สนิทที่เรียกว่า Spina Bifida และภาวะทารกในครรภ์ไม่มีกะโหลกศีรษะ (Anencephaly)ได้ โดยคุณพ่ออาจเสริมกรดโฟลิคให้แก่ภรรยาของคุณด้วยการให้ รับประทานอาหารบางอย่าง แต่ในทางปฏิบัติแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับกรดโฟลิคอย่างเพียงพอจากการรับประทานอาหารเพียง อย่างเดียว ดังนั้น แพทย์จึงแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงที่ต้องการจะมีลูกรับประทานกรดโฟลิค 400 ไมโครกรัมต่อวัน ไปจนถึงสัปดาห์ที่ 12 ของการตั้งครรภ์ หากภรรยาของคุณต้องการที่จะรับประทานกรดโฟลิคต่อไปหลังจากนั้น ควรปรึกษาสูติแพทย์หรือพยาบาลผดุงครรภ์ว่าควรรับประทานวันละเท่าไหร่จึงจะ เหมาะสม

อาหารที่อุดมไปด้วย โฟเลท ประกอบด้วย

# ผักใบเขียว
# ธัญพืชไม่ขัดขาว
# ส้ม
# เกรปฟรุต
# กล้วย
# ถั่วชนิดต่างๆ
# นมและโยเกิร์ต
# ยีสต์และมอลต์สกัด

ว่าที่คุณแม่เลือกทานตามใจชอบนะครับ

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันนี้ว่าที่คุณแม่เป็นแม่ค้าครับ

วันนี้พาว่าที่คุณแม่มาขายกระเป๋าที่ตลาดมีนบุรี หลังจากงดขายไป 2 สัปดาห์ เดี๋ยวเจ้าของที่ยึดที่คืน วันนี้เธอตื่นขึ้นมาตอนเช้าอาการเวียนหัวมีนิดหน่อย แต่ว่าที่คุณแม่ใจแข็งเพราะวันนี้อ้อนไม่ได้ เพราะตัวผมเองท้องเสียมาจากเมื่อวานเช้านี้ยังถ่ายอยู่น้ำหนักตัวลดลงไป 2 kg แล้ว
หลังจากที่เรารู้ว่าปฏิสนธินับวันจนถึงวันนี้ก็เข้าสู่สัปดาห์ที่ 13 ย่างเข้าสู่เดือนที่ 4 พัฒนาการของเดือนที่ 4 ทารกมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว อวัยวะต่างๆบนใบหน้าที่มีการพัฒนาไปจนเกือบสมบูรณ์ มีแขนขานิ้วมือนิ้วเท้าที่ชัดเจน และมีรูปร่างที่ได้สัดส่วนมากขึ้น ทำให้ทารกในขณะนี้ดูมีรูปร่างของมนุษย์มากขึ้น ความยาวจากศีรษะถึงสะโพกตอนนี้จะยาวประมาณ 12 เซนติเมตร (4 3/4 นิ้ว) น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 130 กรัม (4 1/2 ออนซ์)
แม้ว่าทารกจะยังตัวเล็กมากๆ แต่แขนขาและนิ้วมือนิ้วเท้านั้นมีการพัฒนารูปร่างไปมาก และได้สัดส่วนเกือบสมบูรณ์ ตอนนี้ขาเริ่มยาวมากกว่าแขน และที่ปลายนิ้วมือมีเล็บขึ้นมาแล้ว อีกทั้งเริ่มมีลายนิ้วมือแล้วด้วย แต่เล็บที่นิ้วเท้าจะงอกตามมาทีหลัง เนื่องจากในตอนนี้ทารกยังไม่มีเนื้อเยื่อชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ดังนั้น จะดูค่อนข้างผอม และผิวหนังที่ห่อหุ้มร่างกายอยู่นั้นก็บางมากเสียจนมองทะลุเข้าไปเห็นเส้นเลือดที่วิ่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายเป็นเครือข่ายอยู่ภายใต้ได้
ใบหน้าของทารกเริ่มมีคิ้วและขนตาบางๆขึ้น มีขนขึ้นตามใบหน้าตามตัว กระดูกของใบหน้าเริ่มมีโครงสร้างที่สมบูรณ์และได้สัดส่วนมากขึ้น การตรวจอัลตร้าซาวด์ในเดือนที่ 4 นี้จะสามารถมองเห็นอวัยวะเล็กๆบนใบหน้า เช่น จมูกและปากได้ชัดเจนมากขึ้น และเนื่องจากกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้มีการพัฒนาขึ้นมาแล้ว ดังนั้นทารกจะสามารถแสดงสีหน้าได้ ยิ้มได้ ขยับอวัยวะต่างๆบนใบหน้าได้ แต่ยังไม่สามารถควบคุมการแสดงสีหน้าได้ ถึงแม้ว่าเปลือกตาจะยังคงปิดสนิทอยู่เช่นเดิมแต่ดวงตาของทารกจะเริ่มมีการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของแสงสว่างได้แล้ว ที่บริเวณลิ้นของทารกก็เริ่มมีการสร้างปุ่มรับรสขึ้นมาอีกด้วย หูทั้งสองข้างจะเคลื่อนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและภายในสัปดาห์ที่ 16 ของการตั้งครรภ์นี้ กระดูกชิ้นเล็กๆที่อยู่ภายในหูของทารกที่แข็งตัวขึ้นจะทำให้ทารกสามารถได้ยินเสียงเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดของคุณแม่เอง เสียงหัวใจแม่เต้น หรือเสียงของระบบทางเดินอาหารของแม่

อาการท้องร่วง......อยู่ระหว่างสอบสวนหาสาเหตุ

ท้องร่วงทั้งวันครับวันนี้ .....จากการนั่งนึกถึงอาหารการกินที่เราทานเข้าไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นเมื่อวานซึ่งประกอบไปด้วย เงาะ ห่อหมกหน่อไม้ ข้าวเหนียว และผลไม้ประจำฤดูกาลคือเจ้าเงาะ จากการสังเกตุอาการตนเองตั้งแต่เช้าผมไม่ปวดท้อง ลำไส้ไม่บิด แสดงว่าไม่ใช่การติดเชื้อที่เราเคยเป็นกัน แต่สาเหตุน่าจะมาจากอาหารที่เราทานเข้าไป ห่อหมกหน่อไม้มีส่วน หรือ เงาะโรงเรียนจากโลตัส กก.ละ 14 บาท ครั้งนี้ไม่ทรมานเพราะไม่ปวดแต่ถ่ายทุก ๆ ชั่วโมง เวลาที่เราท้องเสียมาก ๆ อาการเสียน้ำจะตามมาควรทานผงเกลือแร่ผสมน้ำ 15 กรัม น้ำสัก 250 ml หรือถ้าหาไม่ได้ที่เคยทำ ทานสไปร์ หรือ เซเว่นอัพ ใส่เกลือนิดหน่อย ช่วยได้ครับ
เพราะฉะนั้นหน้าร้อยระมัดระวังเรื่องอาการการกินนะครับ ....จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเสียงานอย่างผมในวันนี้ลาป่วยช่วงบ่าย 2 ชั่วโมง

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

โปรแกรมคำนวนวันไข่ตก JX Ovulation Calendar ....นำมาใช้ได้ครับ ใช้งานง่าย

JX Ovulation Calendar is an easy and user-friendly ovulation calculator for women. The application calculates your fertile days and considers your menstrual cycles possible fluctuations to help you avoid unwanted pregnancy or find out the most prospective days for conceiving a boy or girl. The application will notify you of important changes in your menstrual cycle and thus help you catch the opportunity the fortune sends your way or guard yourself from unwanted nuances. Free download http://www.jxlab.com/

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หัวใจลูกเต้นแล้ว......ว่าที่คุณแม่เริ่มทานอาหารได้เยอะขึ้น

เมื่อวานตอนเย็น ทิพย์กลับมาจากวังน้อย ตอนแรกเราจะไปรับแต่เธอบอกว่าเธอมาไหว ตัวผมเองกลัวเธออ้วกใส่รถตู้ แต่เมื่อวานเธอเก่งมากเห็นบอกว่ามีอาการเวียนหัว 1 ครั้ง แล้วก็ยัดมะขามคลุกเข้าปาก อาการเวียนหัวหายโดยเร็วพลัน ตอนเย็นผมสั่งสุกี้น้ำและสุกี้แห้งไปฝากว่าที่คุณแม่กับคุณลูก วันนี้เธอเลือกสุกี้น้ำ ทานหมดด้วยพร้อมน้ำเต้าหู้ 1 แก้ว ดีใจครับที่เธอทานได้ หลังจากทานข้าวเสร็จ ว่าที่คุณแม่เขาอยากดูหนัง ทีวีไทย บะบ๋า ยะหย๋า เรียกถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถือว่าเป็นการผ่อนคลายที่เครียดเกี่ยวกับงานมาทั้งวัน และย่อยอาหารไปในตัว ละครจบมีลุ้นตอนที่อาบน้ำและแปรงฟันก่อนนอน เพราะจะอ้วกช่วงนี้แต่เมื่อคืนผ่านพ้นมาได้ ยังไม่ได้สอบถามว่าคิดอย่างไรหรือปฏิบัติตัวอย่างไร แต่เธอทำได้ครับ เริ่มเก่งขึ้นนะเนี่ย ....

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ภาวะอาการที่ว่าที่คุณแม่ไม่พึงประสงค์

ปวดปัสสาวะบ่อย

การที่มีฮอร์โมนเพิ่มมากขึ้นในขณะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะโปรเจสเตอโรนจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้กล้ามเนื้อเรียบผ่อนคลายมากขึ้น กระเพาะปัสสาวะก็เป็นกล้ามเนื้อเรียบเช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อมีปัสสาวะปริมาณเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้คุณแม่รู้สึกปวดปัสสาวะได้ ซึ่งเป็นเหตุผลให้คุณแม่ต้องปัสสาวะบ่อยมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าคุณแม่พบห้องน้ำที่ไหนให้เข้าไว้ก่อนโดยเฉพาะเวลาเดินทางไกลว่าที่คุุณพ่อก็แวะปั้มให้ว่าที่คุณแม่ด้วยนะครับ และเมื่อปัสสาวะเสร็จเรียบร้อยให้ว่าที่คุณแม่นั่งรอ 2 – 3 นาที บางทีคุณแม่ก็จะรู้สึกปวดขึ้นมาอีกได้ครับ
ท้องผูก

หากคุณแม่เป็นคนที่ออกกำลังกายอย่างหนักมาก่อน การที่ไม่ค่อยมีกิจกรรมใดๆและการนอนมากๆในช่วงนี้อาจทำให้คุณแม่ท้องผูกได้ ดังนั้น คุณแม่อาจเริ่มที่จะออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินเป็นเวลา 15 – 20 นาทีในตอนเช้า แล้วกลับมาดื่มน้ำอุ่นหรือนมอุ่นๆ และนั่งพัก คุณแม่อาจเริ่มปวดท้องขึ้นมาได้ หรือพยายามดื่มน้ำให้มากขึ้น ดื่มน้ำผลไม้ เช่น น้ำส้ม น้ำมะเขือเทศ รับประทานพืชผักที่ให้กากอาหารมากขึ้นก็จะช่วยได้ แต่ถ้าคุณแม่เป็นคนที่ท้องผูกเป็นกิจวัตรและใช้ยาระบายมาตลอด ควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้ยาระบายทุกชนิด เพราะยาบางชนิดอาจมีผลทำให้แท้งบุตรได้เลยทีเดียว

รู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลีย

อาการอ่อนเพลียและง่วงนอนนี้เป็นผลมาจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน คุณแม่อาจคิดว่าคุณหมอกล่าวหาฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนให้เป็นผู้ร้ายอยู่เสมอ แต่ความเป็นจริงก็คือ เคยมีนักวิจัยทำการทดลองโดยการฉีดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนให้กับหนูทดลอง ผลการทดลองพบว่าหนูหลับเพราะฮอร์โมนนี้ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัวนั่นเอง ดังนั้น หากรู้สึกเหนื่อยก็นอนพัก นอนหลับให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถนอนได้ เพราะธรรมชาติต้องการให้เป็นเช่นนั้น หากการนอนกลางวันเป็นการฝืนใจคุณแม่ ให้ลองนึกว่ามีอีกคนที่กำลังง่วงและอยากจะนอนแล้ว