วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ชีวิตนี้ผ่านจุดคุ้มทุนแล้วหรือยัง

ชีวิตนี้ผ่านจุดคุ้มทุนแล้วหรือยัง
กว่าคนหนึ่งคนเติบโตและมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้นั้น โลกนี้ต้องลงทุนกับชีวิตคนแต่ละคนสูงมาก เช่น
• พ่อแม่ลงทุนประคบประหงมเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่และติดตามดูแลไปตลอดชีวิต

• ญาติพี่น้องลงทุนสร้างความสัมพันธ์ให้ความอบอุ่นให้โอกาสได้เป็นญาติพี่น้องกัน คอยช่วยเหลือเจือจุนกัน

• ครูบาอาจารย์ลงทุนทั้งกายและสติปัญญาในการอบรมสั่งสอนให้คนมีวิชาความรู้ติดตัว

• หัวหน้าในที่ทำงานลงทุนลงแรงในการให้ความรู้ สั่งสอน สนับสนุน ส่งเสริม คอยตักเตือนเพื่อให้คนมีอนาคตในการทำงานที่ดี

• เพื่อนร่วมงานลงทุนเอาชีวิตมาเสี่ยงกับชีวิตเรา ลงทุนจิตใจมารองรับอารมณ์ของเรา

• คู่สมรสลงทุนทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตมาผูกติดกับชีวิตเราแบบหมดตัวหมดใจ

• ลูกลงทุนมาสร้างความรักความผูกพันให้กับพ่อแม่ ลงทุนมาเป็นความหวังความภูมิใจให้กับพ่อแม่

• สัตว์และพืชลงทุนสละชีพเพื่อเป็นอาหารให้กับคนเราได้ดำรงเผ่าพันธุ์อยู่ต่อไป

• ศาสนาได้ลงทุนเผยแพร่คำสั่งสอนให้คนทุกคนเป็นคนดีโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ
แล้วคนเราเคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่าทุกวันนี้เราได้ดำเนินชีวิตโดยการชดใช้ทุนจากแหล่งต่างๆบ้างหรือยัง เราเคยให้ผลตอบแทนอะไรแก่แหล่งทุนในชีวิตของเราบ้างหรือยัง ถ้าใครอยากจะทราบว่าชีวิตของเราผ่านจุดคุ้มทุนมาแล้วหรือยัง ลองประเมินชีวิตตัวเองจากหัวข้อดังต่อไปนี้

• พ่อแม่
• เราเคยทดแทนบุญคุณพ่อแม่บ้างหรือยัง เช่น บวชแทนคุณ เลี้ยงดูท่าน ทำให้ท่านภูมิใจ ดูแลท่านเมื่อยามเจ็บป่วย พาท่านไปเที่ยวทำบุญ

• คู่สมรส
• เราเคยให้อะไรกับคนที่เรารักและรักเราบ้างหรือยัง เช่น ให้เวลา ให้ความรู้สึกที่ดีต่อกัน ให้ทรัพย์สินเงินทอง ให้เกียรติ ให้ความรักความเข้าใจแบบที่เขาเป็น ให้เขาได้มีความสุขจากความประพฤติดีของเรา

• ญาติพี่น้อง
• เราเคยให้อะไรตอบแทนแก่ญาติพี่น้องของเราบ้างหรือยัง เช่น ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูล ให้โอกาส เขาไปคุยโม้โอ้อวดจากความภาคภูมิใจที่เขาเห็นเราประสบความสำเร็จ

• ครูบาอาจารย์และสถาบันการศึกษา
• เราเคยให้อะไรตอบแทนกลับไปยังผู้ให้ความรู้เราบ้างหรือยัง เช่น ให้ชื่อเสียงแก่สถาบันจากความสำเร็จของเรา ให้ความช่วยเหลือแก่รุ่นน้องๆ ทั้งเรื่องการถ่ายทอดวิชาความรู้ประสบการณ์หรือการช่วยเหลือในด้านเงินทองแก่รุ่นน้อง

• เพื่อนร่วมงาน
• เพื่อนร่วมงานหมายรวมถึงตั้งแต่หัวหน้า เพื่อน และลูกน้อง เราสามารถให้ความหวังกับหัวหน้าได้โดยการทำงานดี ทุ่มเททำงาน สร้างความภูมิใจให้หัวหน้าเมื่อเขาเห็นเราประสบความสำเร็จ อย่างน้อยอดีตหัวหน้าเราจะได้บอกใครต่อใครได้ว่าเราเคยเป็นลูกน้องเขามาก่อน เราสามารถตอบแทนเพื่อนร่วมงานและลูกน้องได้โดยการให้เกียรติ ช่วยเหลือ สนับสนุน ส่งเสริมให้เพื่อนร่วมงานและลูกน้องทำงานให้ประสบความสำเร็จ

• สังคม
• ลองถามตัวเองดูว่าเราเกิดมาทั้งทีมีแต่การเป็นผู้รับสิ่งต่างๆจากสังคมมามากมาย เราเคยตอบแทนสังคมโดยการช่วยเหลือคนยากจน ทำบุญ ทำทาน ช่วยเหลือคนพิการ คนด้อยโอกาสในสังคมบ้างหรือยัง เราเคยนำเอาสิ่งที่เรามีอยู่ เช่น ความรู้ เวลา ทรัพย์สินเงินทอง แบ่งปันให้คนอื่นในสังคมบ้างหรือยัง มากน้อยเพียงใด คุ้มค่ากับสิ่งที่เราได้รับมาจากสังคมแล้วหรือยัง เช่น คิดง่ายๆว่าถ้าเราเคยได้รับการช่วยเหลือจากคนอื่นตอนที่รถเราเสียกลางทาง แล้วเราได้มีโอกาสช่วยเหลือคนที่เขารถเสียเหมือนเราบ้างหรือยัง ถ้าเราเคยได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมสังคมตอนที่เราเจ็บป่วย แล้วเราเคยช่วยเหลือคนป่วยที่ไม่ใช่ญาติเราบ้างหรือยัง


สรุป
คนเราเกิดมาพร้อมกับหนี้ยิ่งมีชีวิตยืนยาว ก้าวหน้ามากเพียงใด เรายิ่งเป็นหนี้คนรอบข้างและสิ่งต่างๆในโลกนี้มากขึ้นเท่านั้น เพราะความก้าวหน้าของเราย่อมต้องใช้ทุนจากแหล่งต่างๆมากมาย เช่น คนที่ยิ่งจบการศึกษาสูงๆก็ยิ่งเป็น หนี้พ่อแม่ครูบาอาจารย์มากขึ้น คนที่ร่ำรวยยิ่งเป็นหนี้คนทำงานหรือลูกค้า คู่ค้ามากยิ่งขึ้น ดังนั้น ขอให้คิดว่าเราเกิดมาเพื่อชดใช้หนี้ที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจก่อขึ้นให้ครบถ้วน จึงจะได้ชื่อว่า “ชีวิตนี้มีจุดคุ้มทุน” แต่ถ้าใครสามารถตอบแทนคนอื่นและสิ่งรอบข้างนี้ได้มากกว่าที่เราได้รับมาก็ได้ชื่อว่า “ชีวิตนี้มีกำไร” หวังเป็นอย่างยิ่งว่าถึงแม้เราไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณใครอย่างไรจึงจะเรียกว่าคุ้มทุน ก็ให้คิดเพียงง่ายๆว่าเราเคยได้รับอะไรจากใครบ้าง แล้วเราได้เคยตอบแทนอะไรให้แก่คนเหล่านั้นคืนไปบ้างหรือยัง ถ้าตอบว่าเคยก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น