วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กลับบ้านที่สกลนคร



วันศุกร์ตอนเย็น พาน้องแพรวากลับไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่า ที่สกลนครครับ

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คำคม คม ๆ 2

โลกกลมๆใบนี้ ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ
อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง
คนเราต้องเดินหน้า เวลายังเดินหน้าเลย
ไม่ต้องสนใจว่าแมวจะสีขาวหรือดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ
ยิ่งมีใจศรัทธา ยิ่งต้องมีสายตาที่เยือกเย็น
ในโลกกลมๆ ใบนี้ไม่มีคำว่าแน่นอน
ความปรารถนาอย่างแรงกล้า นั่นแหละคือเหตุผล
คนเราเมื่อม้าตาย ก็ต้องลงเดิน
คนเราจะไม่ต้องใช้สมองเลย ถ้าพูดแต่ความจริง
ท้อแท้ได้แต่อย่าท้อถอย อิจฉาได้แต่อย่าริษยา พักได้แต่อย่าหยุด
เหตุผลของคนๆ หนึ่ง อาจจะไม่ใช่เหตุผลของคนอีกคนหนึ่ง
ถ้าคุณไม่ลองก้าว จะไม่มีวันรู้เลยว่า ข้างหน้าเป็นอย่างไร
ปัญหาทุกอย่าง ล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
น้ำใจส่วนน้ำใจ เหตุผลส่วนเหตุผล
เรื่องดีหรือเรื่องร้ายทางที่ดีบอกกันก่อน
หนทางยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกก่อนเสมอ
เราจะเห็นค่าความอบอุ่น ก็ต่อเมื่อเราผ่านความเหน็บหนาวมาแล้ว
อันตรายที่สุดสำหรับชีวิตคนเรา คือ การคาดหวัง
เริ่มต้นดีแล้ว ลงท้ายก็ต้องดีด้วย
สวรรค์นั้นพึ่งยาก คนนั้นพึ่งยากกว่า
อย่ายอมแพ้ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมีความอ่อนโยน เบื้องหลังของสติ สมควรมีอารมณ์
ไม่มีคำว่าบังเอิญในเรื่องของความรัก มีแต่คำว่าตั้งใจ
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใส
หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่าปัญหานั้นเล็กนิดเดียว
ไม่เป็นขุนนางน่ะได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้
มีแต่วันนี้ ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง
เมื่อวานก็สายเกินแก้ พรุ่งนี้ก็สายเกินไป

คำคม คม ๆ

ไม่กล้า ก็ไม่มีวันเดินหน้า
Nothing ventured, nothing gained.
วิลเลี่ยม เช็คสเปียร์

เพียงเมื่อท่านหยุดก้าว ท่านก็เริ่มถอยหลังแล้ว
When you stop advancing, you''''ve already begun to retreat.
ดร.เทียม โชควัฒนา

คนเราไม่มีใครล้มเหลว มีแต่ล้มเลิกต่างหาก
There are no failures, only people who have given up.
นิรนาม

ผมยอมไม่ได้ ถ้าไม่ยอมพยายาม
I can''''t accept not trying.
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

ผมเป็นคนเดินช้า แต่ผมไม่เคยเดินถอยหลัง
I am a slow walker, but I never walk backwards.
อับราฮัม ลินคอล์น

โลกทั้งโลกเปิดทางให้กับคนที่รู้ว่าตัวเองจะเดินไปทางไหน
The whole world steps aside for the man who knows where he is going.
นิรนาม

หนทางไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรก
A joumey of a thousand miles must begin with a single step.
เล่าจื๊อ

อย่ากลัวที่จะก้าวไปช้า ๆ จงกลัวที่จะอยู่นิ่งเฉย
Do not be afraid of going slowly, be afraid only of standing still.
ภาษิตจีน

ถ้าไม่หาทาง ก็ต้องสร้างมันขึ้นมา
We will either find a way or make one.
ฮานิบาล

อย่าคิดว่าคุณจะเดิน เดินไปเลย
Don''''t just think you''''ll wall, WALK.
ปรเมศวร์ มินศิริ

คนเราแก้อดีตไม่ได้ แต่อาจเปลี่ยนอนาคตได้
We can''''t correct the past, But we might change the future.
วรินทร์ เลียววาริณ

การเริ่มต้นเป็นเรื่องยาก แต่การก้าวต่อไปเป็นเรื่องยากกว่า
Getting started is hard, but the next step is harder.
ถกลเกียรติ วีรวรรณ

คำว่า ดีที่สุด มีไว้สำหรับงานต่อไปเสมอ
The word ''''Best'''' is always there for the next start.
ดวงฤทธิ์ บุนนาค

อย่ากลัวล้มทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มเดิน
Don''''t think that you''''re gonna lose when you don''''t even start
ณัฐจิระ ฮอนดา

ความผิดพลาดในอดีต คือบทเรียนสำหรับในอตาคต
The falling of yesterday are the learning of tommorrow.
โรเบอร์โต บักจิโอ

แม้แต่ปลา ต้องว่ายทวนน้ำเพื่ออยู่รอด
Fish swim against the tide to survive.
นักปราชญ์

ถ้าไม่ใช่คุณแล้วใคร ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวนี้แล้วเมื่อไหร่
If not you who? If not now when?
แกรี่ เฮอร์เบิร์ท

ทางเดียวที่จะถึงเส้นชัย คือก้าวต่อไปข้างหน้า
The only way to reach the goal is moving forward.
นักกีฬาสมัครเล่น

คว้าทุกโอกาสให้ได้
Seize the day.
โฮเรซ

ผมไปได้ทุกที่ ขอเพียงแต่ต้องไปข้างหน้า
I''''ll go anywhere as long as it''''s forward.
ดร.ลิฟวิ่งสโตน

อย่ากลัวที่จะก้าวยาว ๆ เมื่อต้องข้ามอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่
Don''''t be afraid to take a big step…you can''''t cross a chasm in two small
jumps.
เดวิด ลอยด์ จอร์จ

ความใฝ่ฝัน ไม่เคยหยุดยั้ง
Ambition never comes to an end.
โยชิดะ เคนโกะ

ความเสี่ยงที่สุด คือการไม่กล้าเสี่ยงเลย
The biggest risk is not to take the risk at all
ราอูล กราเซีย บราโว

จับจ้องที่จุดหมาย ไม่ใช่ที่อุปสรรค
One should keep one''''s eyes on one''''s destination, not on where one stumbled.
สุภาษิตไนจีเรีย

ความล้มเหลวที่สุด คือการไม่กล้าแม้แต่จะลองทำ
เซอเรน คีร์เคอกอร์

ถ้าเดินตามรอยเท้าคนอื่น ก็ไม่มีรอยเท้าเป็นของตนเอง
To dare is to lose one''''s footing momentarily. Not to dare is to lose
oneself.
มูลเรลสตรอด

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อ่านให้จบนะ ดีจริงๆ........................




มีชายหนุ่มไฟแรง ที่มุมานะทำงานอย่างมุ่งมั่น
เขามีความฝันจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กับแฟนสาว
เธอจะมารอ..ที่หน้าประตูบ้าน..ของเขา หลังจากที่เขาเลิกงาน
เขาพบเธอ..ก็ยิ้มแย้ม ..ยินดีต้อนรับ.. สนทนากัน..แล้วเธอก็กลับไป
วันนี้เขากลับถึงบ้าน ช้ากว่าปกติมาก
แต่แปลกที่ยังเห็นเธอยืนรอที่หน้าบ้านเขา.. เช่นทุกวัน

“โทษทีนะที่รัก วันนี้มีงานด่วน เลยกลับมาช้าไปหน่อย”

เธอยังยิ้มให้เขา “คุณทำงานจนมีรถ มีบ้านอย่างที่ตั้งใจแล้ว
ทำไมยังทำงานหนักอีกล่ะ?”

“ผมอยากมีบ้านที่มีบริเวณมากกว่านี้ มีรถที่ดูโอ่อ่ามากกว่านี้
..เพื่อคุณนะจ๊ะ”

เวลาผ่านไป 1 ปี
หญิงสาวมาหาเขาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่เขาไม่มีเวลามาใส่ใจกับเรื่องอย่างนี้

วันหนึ่งเธอเอ่ยถามเขา

“คุณมีเงินมากพอจะซื้อบ้านหลังใหญ่รึยัง?”

“ขอเวลาอีกสักหน่อย ผมอยากซื้อแหวนวงใหม่ มาเปลี่ยนให้คุณด้วย”

เขาจุมพิตมือที่สวมแหวนทองวงเล็กเบาๆ

“ฉันบอกหรือว่า ฉันอยากได้แหวนวงใหม่?”

“ผมอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ...ที่รัก”
3 เดือนแล้ว..ที่เขาไม่เห็นเธอที่หน้าประตูบ้าน วันนี้เขามีบ้านหลังใหญ่
เขาจึงตัดสินใจลางาน 1 วัน เพื่อไปหาเธอ
เขาขับรถคันหรู ผ่านเส้นทางที่ขรุขระ อย่างยากลำบาก

‘เธอต้องใช้ทางเส้นนี้มาหาเราทุกวันเหรอเนี่ย?’ เขารำพึง

เมื่อมาถึง แม่ของเธอออกมาต้อนรับและมอบกล่องไม้ใบหนึ่งให้เขา
และบอกเส้นทางที่เป็นสถานที่ ที่เธออยู่ ที่ซึ่งเขาจะพบเธอได้

เนินเขาเล็ก ๆ รายล้อมไปด้วยดอกไม้ มีแท่นหินสลักชื่อหญิงสาว ตั้งอยู่กลางเนิน

น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินออกมา มือสั่นเทาของเขา เปิดกล่องไม้อย่างช้า ๆ

ข้างในกล่องอัดแน่นไปด้วยกระดาษแผ่นเล็ก ๆ

เขาเริ่มอ่านข้อความ..ทีละใบ...ทีละใบ....

“วันนี้ ..คุณกลับมาช้า ..ฉันรอ 2 ชั่วโมง ..ไม่เป็นไร ..ฉันรักคุณ”

“วันนี้ฝนตก ..ฉันยังรอ ..แต่ไม่เจอคุณ.. ไม่เป็นไร ..แต่ฉันยังรักคุณ”

“ฉันเริ่มป่วย.. จนไปหาคุณไม่ได้ ..คุณคงไม่ทันได้สังเกต.. ไม่เป็นไร..
แต่ฉันยังรักคุณ”

“วันนี้ ..คุณบอกจะเปลี่ยนแหวนวงใหม่..
คุณคงลืมว่า..ฉันตอบตกลง..จะแต่งงานกับคุณ ..เพราะแหวนวงนี้
แต่ไม่เป็นไร..ฉันยังรักคุณ”

ชายหนุ่มได้เรียนรู้แล้วว่า.......
บางทีสิ่งที่เขาไขว่คว้ามาตลอดชีวิต
อาจเทียบไม่ได้กับสิ่งเล็กน้อย ที่เขาเคยได้รับ จนเป็นเรื่องปกติของทุกวัน

รถคันหรูแล่นไกลออกไป เหลือไว้เพียงกล่องแหวนเพชร ราคาแพง หน้าหลุมศพ
ที่ดูไม่เหลือค่าอะไร ..สำหรับเขา..อีกต่อไป

“ผมมีบ้านหลังใหญ่..แต่คงกว้างไป สำหรับการที่จะต้องอยู่คนเดียว
ผมมีรถราคาแพง แต่ไม่รู้จะขับไปรับใคร ให้มานั่งเคียงคู่ ..เพื่อไปที่ไหน ๆด้วยกัน

ผมมีเวลาอยู่กับงานครึ่งชีวิต แต่ไม่เคยมีเวลา ที่จะได้อยู่กับคนที่..ผมรัก

ตอนนี้ผมมีเงินมากมาย แต่ไม่อาจซื้อเวลาเพียง 1 นาที ที่จะบอกว่า ‘รักเธอ’..

ผมมีทุกอย่างเพียบพร้อมตามที่ผมฝัน แต่ขาดส่วนที่สำคัญที่สุด ..ที่อยากให้ย้อนกลับมา..จะได้ไหม?”
ลองก้าวออกจากโต๊ะทำงานก่อนตะวันจะตกดินสักวันสองวันต่อสัปดาห์
หันกลับไปเอาใจใส่คนที่รักเราบ้าง อาจจะไม่ใช่แค่แฟนหรือคนรัก
บางที พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ก็เฝ้ารอ 1 นาทีจากเราเหมือนกัน

ณ วันนี้...อย่างน้อยเราก็ยังมีเวลาเหลือมากกว่า 1 นาทีที่บางคนโหยหา...

อย่าปล่อยให้อะไรๆ มันสายเกินไป...
ชีวิตคน...ถึงมันจะไม่สั้นนัก...แต่มันก็ใช่ว่าจะยาวนานตลอดไป

.............
เงินทองที่มากมายจากการทำงานหักโหม...
บางทีอาจได้คืนกลับมาเพียงแค่โลงราคาแพงจากน้ำพักน้ำแรงในครึ่งชีวืตที่ผ่านมา

....................

..... อ่านจบแล้ว ถ้าคิดได้ เย็นนี้ก็ Shut down .......

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

พ่อแม่รังแกฉัน

เมื่อชัยอายุ 6 ขวบ ขณะที่นั่งรถไปกับพ่อ ถูกตำรวจจับเพราะขับรถเร็วเกินกำหนด พ่อแอบยื่นเงิน 500 บาทให้ตำรวจ และได้รับอนุญาตปล่อยตัวไป พ่อหันมาพูดกับชัยว่า




"ไม่เป็นไรลูก...

เงินแค่นี้ซื้อเวลา ใครใครเขาทำกันทั้งนั้นแหละ"



เมื่อชัยอายุ 8 ขวบ ป้าพาไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเป็นเงิน 75 บาท เมื่อป้าไปชำระเงิน ยื่นธนบัตรร้อยบาทให้พนักงาน ได้รับเงินทอน 55 บาท เพราะลูกค้ามากและเข้าใจว่าธนบัตร 50 บาท คือ 20 บาท ป้ารับเงินทอนและใส่กระเป๋าทันที แทนที่จะบอกพนักงานว่าทอนเงินผิด เมื่อออกจากร้านป้าก็พูดกับชัยว่า



"ไม่เป็นไรหลาน...

ความผิดของเขาเอง ใครใครเขาทำกันทั้งนั้นแหละ"



เมื่อชัยอายุ 9 ขวบ ครูให้การบ้านปลูกต้นหอมแดงในกระบะ 2 สัปดาห์ แล้วนำไปส่งที่โรงเรียน แม่ลืมซื้อหัวหอมแดงมาให้ชัย เมื่อครบกำหนดวันส่ง แม่ให้พ่อไปซื้อต้นหอมแดงที่ตลาด และฝังลงในกระบะให้ชัยนำไปส่งครู แล้วพูดว่า



"ไม่เป็นไรลูก...

ครูไม่รู้หรอก มีส่งก็ดีแล้ว ใครใครเขาทำกันทั้งนั้นแหละ"



เมื่อชัยอายุ 12 ขวบ ชัยทำแว่นตาใหม่ราคาแพงของลุงแตก

ลุงจึงนำใบเสร็จไปอ้างกับบริษัทเครดิตที่ลุงใช้บริการอยู่ว่าแว่นตาถูกขโมย ได้รับเงินชดใช้มา 15,000 บาท เต็มราคาที่ซื้อมา

ลุงพูดกับชัยอย่างภาคภูมิใจว่า



"ไม่เป็นไรหรอกหลาน...

สิทธ์ของเรา ใครใครเขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละ"


เมื่อชัยอายุ 15 ปี ได้เป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน ครูฝึกได้สอนวิธีกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามให้บาดเจ็บโดยไม่ผิดถือว่าอยู่ในเกม

ครูฝึกบอกว่า


"ไม่เป็นไรหรอก...

ได้เปรียบไว้ก่อนเป็นดี ใครใครเขาทำกันทั้งนั้นแหละ"


เมื่อชัยอายุ 16 ปี ได้ไปทำงานระหว่างปิดเทอมที่แผนกซูปเปอร์มาร์เก็ต ของห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อแห่งหนึ่ง หัวหน้าแผนกให้ชัยจัดกระเช้าผลไม้ โดยแนะนำให้จัดวางผลไม่สวยจวนจะเน่าอยู่ก้นตะกร้า คัดผลสวย ใบโตสีสด จัดวางอยู่ส่วนบน หัวหน้าแผนกสอนว่า



"ไม่เป็นไรหรอก...

ผู้ซื้อไม่ได้ใช้เองแต่นำไปฝากคนอื่น ใครใครเขาทำกันทั้งนั้นแหละ"



เมื่อชัยอายุ 18 ปี ได้สมัครสอบเพื่อเข้าขอรับทุนของมหาวิทยาลัย ปรากฏผลทราบเป็นการภายในว่ามาเป็นอันดับ 2 เมื่อพ่อรู้เข้าจึงไปพูดกับกรรมการซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ในที่สุดชัยก็ได้รับทุน พ่อพูดกับชัยว่า



"ไม่เป็นไรลูก...

เป็นโอกาสของเรา ใครใครถ้ามีโอกาส เขาทำกันทั้งนั้นแหละ"



เมื่อชัยอายุ 19 ปี เพื่อนเอาข้อสอบปลายปีที่ขโมยมาขายกับชัยเป็นเงิน 1,500 บาท ชัยลังเลใจและตัดสินใจซื้อในที่สุด เพราะเพื่อนพูดว่า



"ไม่เป็นไรหรอกชัย...

เกรดมีผลกับอนาคตนะ ใครใครเขาทำกันทั้งนั้นแหละ"



เมื่อชัยอายุ 24 ปี ชัยถูกจับข้อหายักยอกเงินบริษัท 700,000 บาท และต้องติดคุก พ่อกับแม่ไปเยี่ยมและตัดพ้อต่อว่า



"ทำไมลูกทำอย่างนี้กับพ่อแม่

ที่บ้านเราไม่ได้สอนให้ลูกเป็นคนขี้โกงเลยนะ"



แต่แท้ที่จริงแล้ว พ่อแม่และบรรดาคนรอบข้างชัยไม่เคยรู้เลยว่า เขานั่นแหละที่สอนให้ชัยเป็นคนโกงโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะพ่อแม่ที่กลายเป็น "พ่อแม่รังแกฉัน" เสียเอง

แม่ของฉัน กับเจ้านายของฉัน ......... ใคร เคยทำกับแม่แบบนี้บ้าง ?

ทุกวัน ฉันต้องตื่นเช้า เข้างานแปดโมง วันนี้..ก็เหมือนเคย แต่เมื่อคืนฉันทำงานจนดึก ตื่นสาย.. อารมณ์ตอนนั้น โมโหตัวเองมาก ที่ลืมตั้งนาฟิกาปลุก( โดนเจ้านายด่าแน่ๆ ) แม่มาเคาะประตูห้อง ...“ ตื่นหรือยังลูก หกโมงแล้ว “ฉันหงุดหงิดมาก ........... โธ่ !! แล้วทำไมแม่ไม่ปลุกหนูให้เร็วกว่านี้ เนี่ย..หนูไปทำงานไม่ทันแล้ว วันนี้..มีประชุมด้วย

“ แม่ทำข้าวต้มให้หนูอยู่ เมื่อคืนเห็นนอนดึกอยากให้กินอะไรร้อนๆหน่อย “ ........
แม่ไม่ต้องมาพูดเลย ไม่กง ไม่กินมันแล้ว.... แม่จับแขนฉันเบาๆก่อนเดินออกจากห้อง
อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ลงมาข้างล่าง แม่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว

“ กินข้าวต้มกับแม่ก่อนนะลูกนะ แม่รอหนูอยู่ “หนูไม่กิน พูดโดยไม่มองหน้าแม่ เดินออกมาจากบ้านทันที
ถึงที่ทำงาน

“ ไม่รู้หรืองัย ว่าวันนี้มีประชุม แล้วรายงานอยู่ไหน “

ยกมือไหว้ .. ขอโทษค่ะพี่ ...รีบส่งรายงานให้อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน

“ พี่เลื่อนประชุมไปเป็น 10 โมงนะ เดี๋ยวช่วยไปหาอะไรให้พี่กินหน่อยสิ “
... ได้ค่ะพี่ ...วิ่งเข้าห้องครัว หยิบโจ๊กกึ่งสำเร็จรูป รีบ รีบ รีบ เติมน้ำร้อน ..ว๊า !! น้ำร้อนลวกมือ ..

มาแล้วค่ะพี่ โจ๊กร้อนๆเลยค่ะ....ออกจากห้องประชุมเกือบเที่ยง แม่โทรมาจากบ้าน

“ เมื่อเช้า.. หนูวางผ้าเช็ดหน้าไว้ตรงไหนลูก แม่หาในตะกร้าไม่เจอ

จะเอาไปซักน่ะ “หาไม่เจอก็ไม่ต้องซักหรอก หนูจำไม่ได้ คงโยนไว้ที่ไหนน่ะแหละ
เมื่อเช้าหนูรีบ .......

“ ไม่เป็นไรลูก แล้วเย็นนี้..กลับกี่โมง มากินข้าวกับแม่นะ ”

ยังไม่รู้หรอกแม่ ว่างานเสร็จเมื่อไหร่

ยังงัย..แม่กินไปก่อนเลยแล้วกัน ไม่ต้องรอ .....

วางหูโทรศัพท์ ก้มหน้า ก้มตาทำงาน เอาใจเจ้านาย ....

“ เอ!! พี่วางบัญชีรายชื่อลูกค้าทิ้งไว้แถวนี้มั่งรึเปล่า
ไม่รู้ไปลืมไว้ที่ไหน หาไม่เจอ..

ไม่เป็นไรค่ะพี่ เดี๋ยวหนูช่วยหา

พี่ลงไปทานข้าวเถอะค่ะเที่ยงกว่าแล้วนะคะ

... หา หา หา หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ

โธ่..พี่ขา ก็พี่มาทำหล่นไว้ใต้เก้าอี้ในห้องประชุมนี่นา

โอย !! เที่ยงครึ่งแล้ว ลงไปกินข้าวไม่ทันแน่ๆ

ไม่เป็นไร..บะหมี่ซักห่อพออิ่มก็แล้วกัน
... พี่คะ

เจอแล้วนะคะ พี ่ทำหล่นไว้ที่ห้องประชุมค่ะ

“ อ้าว..เหรอ “ รับเอกสาร?ืน ไม่มีแม้แต่ขอบใจสักคำ

แต่ฉันกลับปลื้ม ที่ทำให้เจ้านายพอใจได้ ใกล้เลิกงานแล้ว.. รีบกลับบ้านไปนอนดีกว่า

“ ช่วยแก้งานตรงนี้ให้พี่หน่อยนะ เสร็จแล้ววางไว้บนโต๊ะพี่เลย

พี่กลับก่อนล่ะ ว่าแต่ว่า เราน่ะมีธุระอะไรรึเปล่า คงต้องกลับช้านิดนึงนะวันนี้ “

.. ยิ้มรับ.. ไม่มีธุระอะไรค่ะพี่ เดี๋ยวหนูพิมพ์ให้เลยค่ะ

โทรหาเจ้านายตอนเกือบทุ่ม .. พี่ขา หนูแก้ไขและตรวจทานเรียบร้อยแล้วค่ะ หนูวางไว้บนโต๊ะนะคะ
“ กลับดึกจังลูก จะอาบน้ำก่อน หรือ กินข้าวก่อนล่ะ ?? “

... เงียบไม่มีเสียงตอบ

ไม่มีรอยยิ้ม ...

“ มา มา แม่ช่วย “ แม่รวบของจากมือฉันไปวางบนโต๊ะ ..

หนูเหนื่อยมากเลยแม่

หนูอยากพักผ่อน

กำลังจะเดินขึ้นห้อง ..

ฮัลโหล..สวัสดีค่ะ...เจ้านายเหรอคะมีอะไรรึเปล่าคะ ..

อ๋อ !! ไม่ยุ่งค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการให้เลยค่ะ

กุลี กุจอ เปิดคอมพิวเตอร์ ... เจ้านายคะ เรียบร้อยแล้วค่ะ

แม่..หายไปไหน ในครัวไม่มี ห้องนอนไม่มี

. . . แม่นั่งอยู่หลังบ้านเหงา ๆ คนเดียว . . .
แม่แอบร้องไห้ ... เ พราะฉันสินะ ฉันทำให้แม่ต้องร้องไห้

แม่..ดูแลฉันมาทั้งชีวิต

เป็นห่วงฉัน รักฉันมากกว่าใครๆ

แต่..ฉันตอบแทนได้สาสมเหลือเกิน

ฉันเริ่มทบทวน... เจ้านายคนที่ให้เงินเดือนฉัน

กับ แม่คนที่ให้ความเป็นคนแก่ฉัน

เพื่อประจบสอพลอเจ้านาย ฉันทำร้ายผู้ให้กำเนิดได้เพียงนี้เลยหรือ...
แม่ ...

หนูขอโทษ

ใคร ??? เคยเป็นแบบฉันบ้าง ......

..............................................................................



ใน ชั่วชีวิตของคุณ คุณอาจจะเปลี่ยนงานหลายๆ ครั้ง

คุณอาจจะมีเจ้านายนับไม่ถ้วน แต่ตลอดชีวิตของคุณ.....

คุณมีแม่มีเพียงคนเดียวค่ะ คนเดียวจริงๆ ทำดีกับท่านไว้เถอะค่ะ

อย่าทำให้ท่านต้องร้องไห้เพราะการกระทำของคุณเลย....

คุณอาจจะรักท่านน้อยลง ทุกๆ วัน แต่ท่านไม่เคยรักคุณลดลงเลย

ตรงกันข้ามท่านกลับรักและเป็นห่วงคุณมากขึ้นทุกๆ วัน..

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ชัยชนะ

เส้นทางที่เธอเดินอยู่นั้น ฉันรู้ว่ามันไม่ได้ง่าย



ไม่รู้ต้องล้มต้องเหนื่อยล้า ต้องพบปัญหาอีกเท่าไร


จนกว่าจะเจอจุดหมาย ที่อาจจะไกลแสนไกล


และไม่รู้เมื่อไรถึงจะสุดทาง




วันที่เริ่มต้นจนวันนี้ทุ่มเทชีวิตมาเท่าไร


ต้องเสียใจและต้องผิดหวังมีสักกี่ครั้งที่เริ่มใหม่


กว่าจะเจอจุดหมาย ที่อาจดูไกลแสนไกล


ไม่รู้อีกนานแค่ไหนถึงจะสุดทาง




จึงอยากจะขอส่งเพลงนี้แทนพลัง


ว่าอย่ากลับหลังขอให้เดินต่อไป


สักวันต้องถึงจุดหมายที่เธอตั้งใจเอาไว้


เพื่อให้รู้ว่า เราจะชนะตัวเองได้ไหม




กว่าเธอจะเดินถึงจุดนี้ต่อสู้มาแล้วนานเท่าไร


และทุกๆ ครั้งที่ผ่านพ้นก็เพราะอดทนใช่หรือไม่


กว่าจะเจอจุดหมาย ที่อาจดูไกลแสนไกล


และไม่รู้เมื่อไรถึงจะสุดทาง




จึงอยากจะขอส่งเพลงนี้แทนพลัง


ว่าอย่ากลับหลังขอให้เดินต่อไป


สักวันต้องถึงจุดหมายที่เธอตั้งใจเอาไว้


เพื่อให้รู้ว่า เราจะชนะตัวเองได้ไหม




อย่ากลัวแม้ว่าต้องเจอกับทางที่ดูมืดมน


สักวันเธอจะผ่านพ้น


หนทางที่แสนไกลจะยากเย็นสักเท่าไร




จึงอยากจะขอส่งเพลงนี้แทนพลัง


ว่าอย่ากลับหลังขอให้เดินต่อไป


สักวันต้องถึงจุดหมายที่เธอตั้งใจเอาไว้


เพื่อให้รู้ว่า เราจะชนะตัวเองได้ไหม




และเพื่อให้รู้ว่า ชัยชนะนั้นคืออะไร

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ด้วยภาระหน้าที่งานประจำที่ต้องทำ ......

        เมื่อวานทิพย์ บอกว่าต้องไปทำงานความรู้สึกของเราตอนนั้น บอกว่าทำไมต้องไปด้วยก็กำลังลาคลอดอยู่ แต่ด้วย Spirit ของทิพย์ จึงต้องเอาแพรวาไปทำงานด้วย สุดยอดเมียเรา ย้อนกลับมามองตัวเราก็ทำงานประจำด้วย ถ้ายังต้องทำงานประจำกันอยู่ก็ต้องเจอสภาพแบบนี้แหละ ถึงเวลาหรือยังอาณัติ ที่ต้องตัดสินใจลงมือทำงานที่ให้ Passive Income จริง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ ต้องจริงจังแล้วนะ บอกกับตัวเอง และเมื่อเช้าก็ได้คุยกับทิพย์แล้วด้วย ..... เอาจริง  ทุกครั้งที่เอาจริงอุปสรรคเกิดขึ้นเสมอ หลังปัญหาและอุปสรรคคือความสำเร็จ  อดทน ลงมือทำ สำเร็จแน่นอน  Go  to  Dimond  Star  กรกฎาคม 2554

เพลงกล่อมเด็ก 4 ภาค สำหรับคุณแม่มือใหม่



ตาม Link ครับ http://www.medicalinnovation.co.th/download.htm

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ย่างก้าวของชีวิต .....AIM STAR

      วันนี้คิดถึงลูกมาก ๆ  เพราะคุณแม่เขาไปทำงานที่ โรงงาน แต่เราก็โชคดีที่มีญาติพี่น้องดูแลแพรวา  วันนี้แพรวาอยู่ คอนโดกับป้าภา ตอนกลางวันเย็นนี้คงต้องกลับเร็วนิดหนึ่ง กลับไปทำหน้าที่แทนแม่เขา อาบน้ำให้ลูกรอแม่เขากลับมาสัก 1 ทุ่ม  หลังจากสองทุ่ม น่าจะเข้านัด House Meeting กับ Star ได้ เมื่อวาน ซัดมา 2  MB  และ Focus เข้างานวันที่ 12  กุมภาพันธ์ 53 ปีนี้ต้อง Focus ให้มาก ๆ เพราะเรากำลังทำงานงานของครอบครัว งานของตระกูล งานนี้สำเร็จ จบไร้กังวล

วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

3 x 8 = 23 บทความดี ๆ จากเพื่อน

เอี๋ยนหุยใฝ่ศึกษา มีคุณธรรมงดงาม เป็นศิษย์รักของขงจื้อ มีอยู่วันหนึ่ง เอี๋ยนหุยออกไปทำธุระที่ตลาด เห็นผู้คนจำนวนมากห้อมล้อมอยู่ที่หน้าร้านขายผ้า


จึงเข้าไปสอบถามดู จึงรู้ว่าเกิดการพิพาทระหว่างคนขายผ้ากับลูกค้า

ได้ยินลุกค้าตะโกนเสียงดังโหวกเหวกว่า “3x8ได้ 23 ทำไมท่านถึงให้ข้าจ่าย24เหรียญล่ะ!”

เอี๋ยนหุยจึงเดินเข้าไปที่ร้าน หลังจากทำความเคารพแล้ว ก็กล่าวว่า “พี่ชาย 3x8 ได้ 24 จะเป็น 23 ได้ยังไง? พี่ชายคิดผิดแล้ว ไม่ต้องทะเลาะกันหรอก”

คนซื้อผ้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ชี้หน้าเอี๋ยนหุยและกล่าวว่า “ใครให้เจ้าเข้ามายุ่ง! เจ้าอายุเท่าไหร่กัน! จะตัดสินก็มีเพียงท่านขงจื้อเท่านั้น ผิดหรือถูกมีท่านผู้เดียวที่ข้าจะยอมรับ

ไป ไปหาท่านขงจื้อกัน ”

เอี่ยนหุยกล่าวว่า “ก็ดี หากท่านขงจื้อบอกว่าท่านผิด ท่านจะทำอย่างไร?”

คนซื้อผ้ากล่าวว่า“หากท่านวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมให้หัวหลุดจากบ่า! แล้วหากเจ้าผิดล่ะ?”

เอี๋ยนหุยกล่าวว่า “หากท่านวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมถูกปลดหมวก(ตำแหน่ง)”

ทั้งสองจึงเกิดการเดิมพันขึ้น

เมื่อขงจื้อสอบถามจนเกิดความกระจ่าง ก็ยิ้มให้กับเอี๋ยนหุยและกล่าวว่า “3x8ได้ 23 ถูกต้องแล้วเอี๋ยนหุย เธอแพ้แล้ว ถอดหมวกของเธอให้พี่ชายท่านนี้เสีย”

เอี๋ยนหุย ไม่โต้แย้ง ยอมรับในการวินิจฉัยของท่านอาจารย์ จึงถอดหมวกที่สวมให้แก่ชายคนนั้น

ชายผู้นั้นเมื่อได้รับหมวกก็ยิ้มสมหวังกลับไป

ต่อคำวินิจฉัยของขงจื้อ ต่อหน้าแม้เอี๋ยนหุยจะยอมรับ แต่ในใจกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น

เอี๋ยนหุยคิดว่าท่านอาจารย์ชรามากแล้ว ความคิดคงเลอะเลือน จึงไม่อยากอยู่ศึกษากับขงจื้ออีกต่อไป

พอรุ่งขึ้น เอี๋ยนหุยจึงเข้าไปขอลาอาจารย์กลับบ้าน ด้วยเหตุผลที่ว่าที่บ้านเกิดเรื่องราว ต้องรีบกลับไปจัดการ

ขงจื้อรู้ว่าเอี๋ยนหุยคิดอะไรอยู่ ก็ไม่ได้สอบถามมากความ อนุญาตให้เอี๋ยนหุยกลับบ้านได้

ก่อนที่เอี๋ยนหุยจะออกเดินทาง ได้เข้าไปกราบลาขงจื้อ ขงจื้อกล่าวอวยพรและให้รีบกลับมาหากเสร็จกิจธุระแล้ว

พร้อมกันนั้นก็ได้กำชับว่า “อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง”

เอี๋ยนหุยคำนับพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์จะจำใส่ใจ” แล้วลาอาจารย์ออกเดินทาง

เมื่อออกเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง เกิดพายุลมแรงสายฟ้าแลบแปลบ เอี๋ยนหุยคิดว่าต้องเกิดพายุลมฝนเป็นแน่

จึงเร่งฝีเท้าเพื่อจะเข้าไปอาศัยอยู่ไต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ก็ฉุกคิดถึงคำกำชับของท่านอาจารย์ที่ว่า “อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง”

เราเองก็ติดตามท่านอาจารย์มาเป็นเวลานาน ลองเชื่ออาจารย์ดูอีกสักครั้ง คิดได้ดังนั้น จึงเดินออกจากต้นไม้ใหญ่

ในขณะที่เอี๋ยนหุยเดินไปได้ไม่ไกลนัก บัดดล สายฟ้าก็ผ่าต้นไม้ใหญ่นั้นล้มลงมาให้เห็นต่อหน้าต่อตา เอี๋ยนหุยตะลึงพรึงเพริด

คำกล่าวของพระอาจารย์ประโยคแรกเป็นจริงแล้ว หรือตัวเราจะฆ่าใครโดยไม่รู้สาเหตุ?



เอี๋ยนหุยจึงรีบเดินทางกลับ กว่าจะถึงบ้านก็ดึกแล้ว แต่ไม่กล้าปลุกคนในบ้าน เลยใช้ดาบที่นำติดตัวมาค่อยๆเดาะดาลประตูห้องของภรรยา

เมื่อเอี๋ยนหุยคลำไปที่เตียงนอน ก็ต้องตกใจ ทำไมมีคนนอนอยู่บนเตียงสองคน!

เอี๋ยนหุยโมโหเป็นอย่างยิ่ง จึงหยิบดาบขึ้นมาหมายปลิดชีพผู้ที่นอนอยู่บนเตียง

เสียงกำชับของอาจารย์ก็ดังขึ้นมา “อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง”



เมื่อเขาจุดตะเกียง จึงได้เห็นว่า คนหนึ่งคือภรรยา อีกคนหนึ่งคือน้องสาวของเขาเอง

พอฟ้าส่าง เอี๋ยนหุยก็รีบกลับสำนัก

เมื่อพบหน้าขงจื้อจึงรีบคุกเข่ากราบอาจารย์และกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ คำกำชับของท่านได้ช่วยชีวิตของศิษย์ ภรรยาและน้องสาวไว้

ทำไมท่านจึงรู้เหมือนตาเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับศิษย์บ้าง?”

ขงจื้อพยุงเอี๋ยนหุยให้ลุกขึ้น และกล่าวว่า “เมื่อวานอากาศไม่ค่อยสู้ดีนัก น่าจะมีฟ้าร้องฟ้าแลบเป็นแน่

จึงเตือนเธอว่า อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่

และเมื่อวาน เธอจากไปด้วยโทสะ แถมยังพกดาบติดตัวไปด้วย

อาจารย์จึ้งเตือนเธอว่า อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง ”

เอี๋ยนหุยโค้งคำนับ “ท่านอาจารย์คาดการดังเทวดา ศิษย์รู้สึกเคารพเลื่อมใสท่านเหลือเกิน”

ขงจื้อจึงตักเดือนเอี๋ยนหุยว่า “อาจารย์ว่าที่เธอขอลากลับบ้านนั้นเป็นการโกหก ที่จริงแล้วเธอคิดว่าอาจารย์แก่แล้ว ความคิดเลอะเลือน

ไม่อยากศึกษากับอาจารย์อีกแล้ว เธอลองคิดดูสิ อาจารย์บอกว่า 3x8ได้ 23 เธอแพ้ ก็เพียงแค่ถอดหมวก

หากอาจารย์บอกว่า 3x8ได้ 24 เขาแพ้ นั่นหมายถึงชีวิตของคนๆหนึ่ง เธอคิดว่าหมวกหรือชีวิตสำคัญล่ะ? ”



เอี๋ยนหุยกระจ่างในฉับพลัน คุกเข่าต่อหน้าขงจื้อ แล้วกล่าวว่า “ท่านอาจารย์เห็นคุณธรรมเป็นสำคัญ โดยไม่เห็นแก่เรื่องถูกผิดเล็กๆน้อยๆ

ศิษย์คิดว่าอาจารย์แก่ชราจึงเลอะเลือน ศิษย์เสียใจเป็นที่สุด”



จากนั้นเป็นต้นไป ไม่ว่าขงจื้อจะเดินทางไปยังแห่งหนตำบลใด เอี๋ยนหุยติดตามไม่เคยห่างกาย

จากตำนานเรื่องเล่านี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเพลงๆหนึ่งของอิวเค่อหลี่หลิน(นักร้องดูโอของไต้หวัน)

ที่ร้องว่า “หากสูญเสียเธอไป ต่อให้เอาชนะทั้งโลกได้แล้วจะยังไง? เช่นกัน

บางครั้งคุณอาจเอาชนะคนอื่นด้วยเหตุผลของคุณ แต่อาจจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไป ”

เรื่องราวต่างๆ แบ่งเป็นหนักเบารีบช้า อย่าเป็นเพราะต้องการเอาชนะให้ได้ แล้วทำให้เสียใจไปตลอดชีวิต

เรื่องราวมากมายที่ไม่ควรทะเลาะกัน ถอยหนึ่งก้าวทะเลกว้างฟ้างาม

ทะเลาะกับลูกค้า ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (วันที่ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ คุณก็จะรู้สึก)

ทะเลาะกับเถ้าแก่ ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (วันที่ตรวจผลงานปลายปีมาถึง คุณก็จะรู้สึก)

ทะเลาะกับภรรยา ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (เธอไม่สนใจคุณ คุณก็หากับข้าวกินเองละกัน)

ทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (เคลียร์ไม่ได้ คุณอาจจะเสียเพื่อนไปเลย)

ใบชา เกิดสีสวยและกลิ่นหอมน่าลิ้มลองได้ ก็เพราะโดนน้ำร้อนลวก

ชีวิตของคนเราก็เช่นเดียวกัน เพราะเผชิญกับอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่า

จึงเหลือไว้ซึ่งเรื่องราวเป็นตำนานให้ได้เล่าขานน่าตามติด

ผู้ที่รู้สำนึกคุณอยู่เสมอ จึงเป็นผู้มีวาสนามากที่สุด

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 54 เวลาช่างเร็วจังคร้บ

         เมื่อวานมีโอกาสได้อยู่กันพร้อมหน้า พ่อแม่ลูก  มีโอกาสได้ช่วยแฟนเลี้ยงน้องแพรวา ได้นอนกับลูก มีความสุข เวลาที่เรามีความสุขใน 1 วันมันช่างเร็วเสียจริงครับ แพรวาจะครบ 2 เดือนวันที่ 11 ก.พ.ที่จะถึงแล้วครับ พัฒนาการของเด็กแรกเกิดเป็นไปได้เร็วมาก น้ำหนักในเดือนนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 1 kg.  พัฒนาการส่วนอื่น หัวเราะ ยิ้มทำได้ตอนอารมณ์ดี ตื่นนอนยิ้มให้พ่อกับแม่สิ้นเดือนที่จะถึงจะพาน้องแพรวาเดินทางไปเยี่ยมคุณย่จะออกเดินทางกันเย็นวันที่ 25  ก.พ. 54