วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ลูกเริ่มเคลื่อนที่เอง

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่เหน็ดเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกเองบางคน อาจเคยคิดว่าเมื่อไหร่ลูกจะโตซักทีน้อ อยากให้ลูกโตเร็วๆ จัง ส่วนคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกโตแล้วหรือมีลูกหลายคน อาจมองย้อนกลับไปและรู้สึกว่าทำไมลูกโตเร็วจัง อยากย้อนเวลากลับไปให้ลูกเป็นเด็กน้อยน่ารักไร้เดียงสาเหมือนตอนเล็กๆ อีกครั้งจัง แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงลูกเองต้องได้พบเจอแน่ๆ คือ ช่วงเวลาประทับใจที่จะทำให้แม่บางคนกรี๊ดออกมาดังๆ หรือตื้นตันจนต่อมน้ำตาแตกเมื่อเจ้าตัวน้อยของคุณเริ่มพูด หรือเริ่มกระดึ้บ (เคลื่อนที่) ได้เองเป็นครั้งแรก

เด็กทารกจะมีพัฒนาการแบบที่ค่อยเป็นค่อยไปและมีลำดับเหตุการณ์ เช่น เด็กจะเรียนรู้การชูคอ การพลิกตัว ก่อนจะไปสู่การคืบ การคลาน การนั่งและการลุกขึ้นยืนในที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้จะใช้เวลาตลอดขวบปีแรกของชีวิตเลยทีเดียว อาจฟังดูยาวนานเมื่อเปรียบเทียบกับลูกสัตว์บางชนิดที่สามารถเดินได้เองตั้งแต่คลอดในวันแรก แต่นั่นเป็นเพราะระบบวงจรชีวิตที่แตกต่างกัน ต้องขอบคุณความหลากหลายทางชีวภาพที่ทำให้โลกนี้น่าสนใจ มีความหลากหลายแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ และก่อนที่จะนอกเรื่องไปไกลกว่านี้ เรามาดูพัฒนาการด้านร่างกายของเจ้าตัวน้อยกันไปทีละขั้นตอนเลยดีกว่าครับ



เริ่มขยับและเรียนรู้

ในตอนแรกคลอด ทารกน้อยก็สามารถขยับคอให้หันไปทางซ้ายหรือทางขวาตามที่เราจับวางลงบนที่นอน และสิ่งแรกๆ เลยที่ทารกน้อยของเราเรียนรู้ที่ขยับเขยื้อนคือ ปากที่จะใช้ดูดนมคุณแม่นั่นเอง นอกจากนั้นยังรู้จักกำและแบมือ ด้วยท่าทีที่อาจดูเงอะงะทั้งแม่และลูกในการให้นมครั้งแรก แต่ในครั้งต่อๆ ไป ทั้งคู่ก็จะเริ่มค่อยๆ ทำความรู้จักและคุ้นเคยกัน ทำให้การให้นมง่ายขึ้นเรื่อยๆ ทารกน้อยของเราก็จะเริ่มมีพัฒนาการในการใช้มือมาจับ มาบีบหรือถูที่หน้าอกคุณแม่ในขณะที่ดูดนมไปด้วย เพื่อเป็นการสำรวจหรือเพื่อเป็นการกล่อมตัวเองไปในตัว แต่ก็ยังเคลื่อนไหวได้เพียงร่างกายส่วนบนเท่านั้น

ในช่วงเดือนแรกทารกจะเริ่มมองตามสิ่งที่เคลื่อนไหวในระยะใกล้ๆ ได้บ้างแล้ว แขนขาเริ่มขยับเองได้มากกว่าในตอนแรกคลอด แต่ยังไม่สัมพันธ์กัน และไม่ว่าจะรู้สึกอึดอัด เจ็บปวดหรือไม่สบายตัวสิ่งที่ทารกน้อยจะทำได้ก็เพียงแค่ร้อง ดิ้น หรือบิดไปเท่านั้นเอง พอครบสามเดือนทารกก็จะเริ่มชันคอ ผงกศรีษะ หันไปมาได้ บังคับกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น ถีบเท้าและเล่นกับนิ้วมือตนเองได้ แถมยังแสดงความสนใจนิ้วมือตัวเองเป็นพิเศษอีกต่างหาก แต่การขยับเคลื่อนไหวทางร่างกายที่จะนำไปสู่การเคลื่อนที่จริงๆ ก็คือเมื่อเจ้าหนูค้นพบว่า ในตอนที่เขาแตะส้วนเท้าลงแล้วถีบออกไปนั้น เป็นการดันส่งให้ตัวเองขยับเดินหน้าไปได้หน่อยนึง ถึงแม้จะเป็นเพียงชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ ในการค้นพบของเจ้าตัวน้อย แต่ก็จะนำไปสู่การเรียนรู้ใหม่ต่อไปอีก



เริ่มชันคอ-ลุกครึ่งตัวและก้นโด่ง

จำตอนที่ช่วงเดือนแรกที่เราลองวางทารกน้อยนอนคว่ำหน้าดูได้ได้ไหมครับ เจ้าหนูของเรายังขยับเขยื้อนด้วยตัวเองแทบไม่ได้เลย แต่ก็ยังพยายามที่จะยกหัว ชันคอและยกคางขึ้น ในทุกครั้งที่เราวางลูกคว่ำหน้าลง ทารกน้อยของเราพยายามลองของ ทั้งที่คอยังไม่แข็ง ประกอบกับศรีษะที่ใหญ่และหนัก ทำให้ความพยายามยังไม่บรรลุผล เพราะยังเกินความสามารถและเกินกำลังที่หนูจะทำได้ครับ

พอเข้าเดือนที่สองทารกก็จะเริ่มยกศรีษะขึ้นได้บ้างเองแล้วเมื่อนอคว่ำ แต่ก็ทำได้เพียงชั่วครู่สั้นๆ เท่านั้นเอง ก็จะหล่นตุ๊บกลับไปนอนอยู่ในท่าเดิมอย่างช่วยตัวเองไม่ค่อยได้อีกแล้ว (เริ่มก้าวหน้ามาอีกขึ้นหนึ่งแล้ว) และเมื่ออุ้มก็จะชันคอได้ดีกว่าแต่ก่อน ต่อมาในเดือนที่สามเมื่อคุณประคองตัวลูกขึ้นมาอยู่ในท่านั่งลูกจะชันคอได้ดีขึ้น แต่ก็ยังต้องคอยจับไว้ไม่ให้ล้ม และเมื่อวางนอนคว่ำหน้าทารกก็จะพยายามยกหัวและหน้าอกให้พ้นพื้นได้ช่วงสั้นๆ และถ้าเราจับนอนหงายเจ้าหนูก็จะเริ่มใช้มือปัดป่ายไปมา และเล่นนิ้วมือตัวเองอย่างสนใจ

พอเข้าเดือนที่สี่ทารกน้อยจะสามารถยกศรีษะและใช้แขนยันหน้าอกตัวเองขึ้นได้สบายมากแล้วล่ะ หลังจากนั้นเล็กน้อยเจ้าหนูก็จะลองพยายามทำกับขาดู และก็พอจะทำได้บ้างทีละน้อย ดูเหมือนว่าทารกน้อยของเรากำลังเตรียมการที่จะคลานแล้วหรืออย่างไรกันนี่ แต่ยังครับ...ยังไม่ใช่ในตอนนี้ เพราะทารกน้อยจะทำได้ทีละส่วน คือใช้หน้าอกดันพื้นเป็นการพยายามลุกขึ้นจากร่างกายท่อนบน กับใช้เท้ายันยกก้นขึ้น เป็นการพยายามยกร่างกายท่อนล่างเพื่อที่จะลุกขึ้น แต่ยังไม่สามารถทำพร้อมๆ กัน หรือหาจังหวะวิธีประสานให้ลงตัวเข้ากันได้ ดังนั้นอาจเป็นด้วยความผิดหวังทารกน้อยของเราจึงเริ่มหมุนตัวออกไปทางด้านข้างแทน และถึงตอนนี้เจ้าหนูของเราก็มีพัฒนาการขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นแล้วล่ะค่ะนั่นก็คือเขาสามารถพลิกตัวไปมาได้

เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงนี้ เพราะทารกน้อยอาจพลิกตัวตกลงมาจากเตียงหรือที่วางเขาอยู่ก็ได้ เผลอไม่ได้เด็ดขาดเลยนะคุณพ่อคุณแม่




จากคืบสู่คลานและเดิน

เมื่อเจ้าตัวน้อยของเราได้ฝึกพลิกตัวคว่ำหงายได้คล่องขึ้นแล้ว ก็จะกลับมาสนใจการใช้มือยันหน้าอกเพื่อที่จะลุกขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่ทำยังไงน๊า ถึงจะลุกขึ้นทั้งตัวเหมือนคุณแม่หรือคุณพ่อได้... พอใช้มือดันจนลุกขึ้นมาได้ครึ่งตัวแล้ว จากนั้นใช้ขายันเพื่อที่จะลุก อ้าว! ล้มกลับลงมาอีกแล้ว เฮ้อ! ถ้าอย่างนั้นลองใช้ท้องดันดูสักหน่อยดีกว่า เอ๊ะ...มันขยับได้นิดนึงนี่นา ไหนลองใช้มือยันแล้วเท้าถีบไปด้วยดูซิ โอ้ย...มันยากมากเลย เพราะท้องและหัวเรามันหนักน่าดู ไม่เป็นไร ลองพยายามดูอีกดีกว่า

และเมื่อทารกน้อยของเราได้ลองพยายามดูหลายๆ ครั้ง เขาก็จะพบว่าตัวเองสามารถเริ่มเคลื่อนที่ได้เล็กน้อยแล้ว นั่นก็คือการคืบนั่นเองครับ และหลังจากนั้นไม่นานเจ้าหนูก็สามารถประสานจังหวะและเริ่มรู้เทคนิค ประกอบกับกล้ามเนื้อแขน-ขาที่แข็งแรงขึ้น ทำให้ทารกน้อยเรียนรู้ที่จะคลานในเวลาต่อมา โดยการยกท้องขึ้นและเดินด้วยแขน-ขาของตนเองได้แล้ว เขาจะรู้สึกภาคภูมิใจและรู้สึกถึงความสำเร็จของการเคลื่อนที่ได้ของตนเองเป็นอย่างมาก เพราะนั่นหมายถึง อิสรภาพอีกขึ้นหนึ่งแล้ว ทารกน้อยสามารถเคลื่อนที่หรือเดินทางไปในทิศทางที่ตนเองต้องการได้แล้ว

พอเข้าเดือนที่เจ็ด ทารกน้อยของเราก็จะสามารถนั่งเองได้อย่างมั่นคง โดยไม่ต้องมีผู้ใหญ่คอยประคอง หรือกลัวว่าจะล้มอีกแล้ว ร่างกายหนูน้อยเริ่มแข็งแรงมากขึ้นแล้วในตอนนี้ และพอถึงเดือนที่แปดทารกน้อยของเรานอกจากจะนั่งเองได้ ก็สามารถคลานไปไหนมาไหนได้อย่างคล่องแคล่วไวมากขึ้นอีกด้วย และทารกน้อยของเราก็จะใช้วิธีการคลานไปไหนมาไหนเพื่อสำรวจ หรือเพื่อไปหยิบสิ่งของที่ต้องการแบบนี้ไปอีกหลายเดือน จนกว่าเขาจะค่อยๆ หาวิธียืดตัวลุกขึ้นมายืน ซึ่งในช่วงแรกแน่นอนว่าลูกน้อยยังต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ให้คอยประคอง จับลุกขึ้นยืนหรือยืนเกาะขอบเตียงอย่างไม่มั่นคงก่อนในตอนแรก แต่ในที่สุดทารกน้อยของเราก็จะสามารถค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเองได้ในที่สุด และการเดินก็จะเป็นสิ่งที่จะตามติดต่อมาในไม่ช้า ในช่วงเวลาประมาณที่เจ้าตัวน้อยมีอายุครบหนึ่งขวบปีพอดี แต่ถ้าลูกของคุณเดินได้ช้าหรือเร็วกว่านั้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ เพราะเด็กบางคนอาจใช้เวลามากกว่าเด็กบางคนบ้างเท่านั้นเอง




[ ที่มา.. นิตยสารบันทึกคุณแม่ Vol.17 Issue 193 August 2009 ]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น